วันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ตอนที่ ๑ พระอภัยมณีกับศรีสุวรรณเรียนวิชา

ตอนที่ ๑ พระอภัยมณีกับศรีสุวรรณเรียนวิชา

           แต่ปางหลังยังมีกรุงกษัตริย์
         สมมติวงศ์ทรงนามท้าวสุทัศน์ ผ่านสมบัติรัตนานามธานี
       อันกรุงไกรใหญ่ยาวเก้าสิบโยชน์ ภูเขาโขดเป็นกำแพงบูรีศรี
          สะพรึบพร้อมไพร่ฟ้าประชาชี ชาวบุรีหรรษาสถาวร
           มีเอกองค์นงลักษณ์อัครราช พระนางนาฏนามปทุมเกสร
             สนมนางแสนสุรางคนิกร ดังกินนรน่ารักลักขณา
        มีโอรสสององค์ล้วนทรงลักษณ์ ประไพพักตร์เพียงเทพเลขา
                 ชื่ออภัยมณีเป็นพี่ยา พึ่งแรกรุ่นชันษาสิบห้าปี
         อันกุมารศรีสุวรรณนั้นเป็นน้อง เนื้อดังทองนพคุณจำรูญศรี
           พึ่งโสกันต์พรรษาสิบสามปี พระชนนีรักใคร่ดังนัยนา
          สมเด็จท้าวบิตุรงค์ดำรงราชย์ แสนสวาทลูกน้อยเสน่หา
         จะเสกสองครองสมบัติขัตติยา แต่วิชาสิ่งใดไม่ชำนาญ
            จึงดำรัสตรัสเรียกโอรสราช มาริมอาสน์แท่นสุวรรณแล้วบรรหาร
          พ่อจะแจ้งเจ้าจงจำคำโบราณ อันชายชาญเชิ้อกษัตริย์ขัตติยา
      ยอมพากเพียรเรียนไสยศาสตร์เวท สิ่งวิเศษสืบเสาะแสวงหา
             ได้ป้องกันอันตรายนครา ตามกษัตริย์ขัตติยาอย่างโบราณ
           พระลูกรักจักสืบวงศ์กษัตริย์ จงรีบรัดเสาะแสวงแหล่งสถาน
          หาทิศาปาโมกข์ชำนาญชาญ เป็นอาจารย์พากเพียรเรียนวิชา ฯ
            
         เมื่อพี่น้องสองราชกุมารได้รับทราบแล้วก็ขอลาพระราชบิดาและพระราชมารดาไปตามพระราชประสงค์ กษัตริย์ทั้งสองพระองค์ก็ได้ทรงสั่งสอนว่า
            จะเดินทางกลางป่าพนาดร จงผันผ่อนตรึกจำคำโบราณ
            จะพูดจาสารพัดบำหยัดยั้ง จนลุกนั่งน้ำท่ากระยาหาร
        แม้นหลับนอนผ่อนพ้นที่ภัยพาล อดบันดาลโกรธขึ้งจึงสบาย
            
            ทั้งสองราชกุมารได้เดินทางไปในป่าได้สิบห้าวันก็มาถึงตำบลหนึ่งเรียกว่า บ้านจันตคาม มีทิศาปาโมกข์อยู่สองคน คนหนึ่งชำนาญในการยุทธ เมื่อมีอาวุธซัดมาดังห่าฝน ก็สามารถรำกระบองป้องกันไม่ให้อาวุธต้องกายตนได้ อีกคนหนึ่งชำนาญในการปี่ และการดีดสีได้ไพเราะอย่างยิ่ง ผู้ใดได้ฟังก็จะเคลิ้มหลับลืมกายดังวายปราณ 
            อาจารย์ทั้งสองได้เขียนหนังสือไว้ที่หน้าบ้านว่า ผู้ใดต้องการเรียนวิชาของตนจะต้องมีทองแสนตำลึงมาให้ เมื่อทั้งสองราชกุมารทราบความแล้ว ก็ตกลงใจที่จะเรียนวิชากับอาจารย์ทั้งสอง โดยที่ศรีสุวรรณรักที่จะเรียนวิชารำกระบอง ส่วนพระอภัยมณีรักที่จะเรียนวิชาเพลงดนตรี โดยเอาธำมรงค์ที่ใส่นิ้วมา ตีราคาแสนตำลึงทอง เป็นค่าเล่าเรียน 
            ฝ่ายอาจารย์ของพระอภัยพาพระอภัยไปยอดเขาให้เป่าปี่ใช้เวลาประมาณเจ็ดเดือนก็เรียนจบ
         สิ้นความรู้ครูประสิทธิ์ไม่ปิดบัง จึงสอนสั่งอุปเท่ห์เป็นเล่ห์กล
            ถ้าแม้นว่าข้าศึกมันโจมจับ จะรบรับสารพัดให้ขัดสน
             เอาปี่เป่าเล้าโลมน้ำใจคน ด้วยเล่ห์กลโลกาห้าประการ
          คือรูปรสกลิ่นเสียงเคียงสัมผัส เกิดกำหนัดลุ่มหลงในสงสาร
        ให้ใจอ่อนนอนหลับดังวายปราณ จึงคิดอ่านเอาชัยเหมือนใจจง
         ฯลฯ
            
แล้วอาจารย์ก็คืนแหวนให้พระอภัย แล้วบอกว่าที่ตั้งราคาไว้แสนตำลึงทองนั้น ก็ป้องกันมิให้ไพร่ได้วิชา ต่อเมื่อเป็นกษัตริย์หรือเศรษฐีจะสามารถศึกษาวิชานี้ได้ 
            ฝ่ายศรีสุวรรณได้ศึกษากลอาวุธจนสิ้นความรู้ของอาจารย์ แล้วอาจารญืก็คืนแหวนให้และบอกปริศนาไขข้อความเช่นเดียวกับอาจารย์ของพระอภัย ทั้งสองราชกุมารก็เดินทางกลับกรุงรัตนาเข้าเฝ้าพระราชบิดา แจ้งผลการศึกษาของตนให้ทรงทราบ ท้าวสุทัศน์ได้ทรงทราบแล้วก็ทรงพิโรธ เห็นว่าวิชชาที่เรียนมานั้นไม่สมควรแก่ราชกุมาร ออกปากขับไล่ไปเสียจากเมือง 
            ฝ่ายสองราชกุมารได้รับความอัปยศอดสู จึงพากันออกจากเมืองเข้าสู่ป่า แล้วหารือกันถึงความยากลำบากที่จะประสบต่อไปในอนาคต พระอนุชาได้กล่าวแก่พระเชษฐาว่า
 
              พระอนุชาว่าพี่นี้ขี้ขลาด เป็นชายชาติช้างงาไม่กล้าหาญ
            แม้นชีวันยังไม่บรรลัยลาญ ก็เซซานซอกซอนสัญจรไป
        เผื่อพบพานบ้านเมืองที่ไหนมั่ง พอประทังกายาอยู่อาศัย
            มีความรู้อยู่กับตัวกลัวอะไร ชีวิตไม่ปลดปลงคงได้ดี
           ฯลฯ
            
จากนั้นทั้งสองกุมารก็ปลอมตนเป็นสามัญชน เดินทางไปในป่าได้เดือนเศษ มาถึงเนินทรายชายทะเล ก็หยุดพักผ่อนอยู่ ณ ที่นั่น 
            กล่าวถึงบุตรพราหมณ์สามมาณพเป็นสหายกัน คนหนึ่งชื่อ โมรา มีวิชาเอาหญ้ามาผูกเป็นสำเภายนต์ แล่นไปบนดินได้ คนหนึ่งชื่อ สานน มีวิชาเรียกลมฝนได้  คนหนึ่งชื่อ วิเชียร  มีวิชาใช้ธนูสามารถยิ่งออกไปได้ทีละเจ็ดลูก จะให้ถูกตรงไหนก็ได้ทั้งสิ้น ทั้งสามมาณพได้มาพบสองราชกุมารที่เนินทรายชายทะเลดังกล่าว ได้ทำความรู้จักและไต่ถามวิชาความรู้ซึ่งกันและกัน เป็นที่เข้าใจกันดี ยกเว้นวิชาเป่าปี่ของพระอภัย ว่าจะมีคุณประการใด พระอภัยจึงอธิบายให้ฟัง
  
    พระฟังความพราหมณ์น้อยสนองถาม จึงเล่าความจะแจ้งแถลงไข
            อันดนตรีมีคุณทุกอย่างไป ย่อมใช้ได้ดังจินดาค่าบุรินทร์
               ถึงมนุษย์ครุฑาเทวราช จตุบาทกลางป่าพนาสิณฑ์
              แม้ปี่เราเป่าไปให้ได้ยิน ก็สุดสิ้นโทโสที่โกรธา
             ให้ใจอ่อนนอนหลับลืมสติ อันลัทธิดนตรีดีหนักหนา
              ฯลฯ
     
แล้วพระอภัยก็เป่าปี่ให้คนทั้งหมดฟัง  มีความว่า
  
        ในเพลงปี่ว่าสามเจ้าพราหมณ์เอ๋ย ยังไม่เคยชมชิดพิสมัย
                ถึงร้อยรสบุปผาสุมาลัย จะชื่นใจเหมือนสตรีไม่มีเลย
            
คนทั้งหมดได้ฟังแล้วก็พากันหลับไป
กลับหน้าหลัก                           ถัดไป

คำประพันธ์ของสุนทรภู่เรื่องพระอภัยมณี

คำประพันธ์ของสุนทรภู่

เรื่องพระอภัยมณี

            วรรณคดีไทยเรื่องพระอภัยมณี ของสุนทรภู่ กวีเอกในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ เป็นคำประพันธ์ประเภทคำกลอนที่มีความไพเราะ และมีคุณค่าทางวรรณคดีอย่างยิ่ง ได้มีการพิมพ์เผยแพร่เป็นทางการอย่างสมบูรณ์เป็นครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ.๒๔๖๘ และได้มีการพิมพ์ เผยแพร่เป็นลำดับในเวลาต่อมาอีกหลายครั้ง 
               ในบรรดาหนังสือบทกลอนที่สุนทรภู่ได้แต่งไว้ เป็นที่เห็นพ้องต้องกันว่า เรื่องพระอภัยมณีเป็นเรื่องที่ดีที่สุด เพราะเป็นหนังสือเรื่องยาว แต่งดีทั้งกลอนทั้งความคิดที่ผูกเรื่อง 
                หนังสือเรื่องพระอภัยมณี ผิดกับหนังสือซึ่งผู้อื่นแต่งอยู่หลายประการ จะว่าไม่มีหนังสือเรื่องหนึ่งเรื่องใดมาเปรียบก็ได้ เป็นหนังสือดีแปลกจากเรื่องอื่น ๆ  กลอนของสุนทรภู่ก็แปลกจากกลอนของกวีอื่นซึ่งนับว่าดีในสมัยเดียวกัน ความคิดและโวหารก็แปลกจากหนังสือซึ่งผู้อื่นแต่ง และความที่คนทั้งหลายนิยมหนังสือพระอภัยมณีก็แปลกจากหนังสือเรื่องอื่น ๆ 
                ข้อดีที่ยิ่งของหนังสือพระอภัยมณี อยู่ที่การแต่งพรรณนาอัชฌาสัยของบุคคลต่าง ๆ กันอย่างหนึ่ง คนไหนวางอัชฌาสัยไว้อย่างไรแต่แรก ก็คงให้อัชฌาสัยเป็นอย่างนั้นอยู่ทุกแห่งไปเมื่อกล่าวถึงในแห่งใด ๆ ต่อไปอีกอย่างหนึ่ง คำพูดจาว่ากล่าวกันด้วยความรักก็ดี ความโกรธแค้นก็ดี สุนทรภู่รู้จักหาถ้อยคำสำนวนมาว่าให้สัมผัสใจคน ใครอ่านจึงมักชอบจนถึงนำมาใช้เป็นสุภาษิต

ตอนที่ ๑ พระอภัยมณีกับศรีสุวรรณเรียนวิชา
ตอนที่ ๒ นางผีเสื้อลักพระอภัยมณี
ตอนที่ ๓ ศรีสุวรรณเข้าเมืองรมจักร์
ตอนที่ ๔ ศรีสุวรรณพบนางเกษรา
ตอนที่ ๕ ศรีสุวรรณเกี้ยวนางเกษรา
ตอนที่ ๖ ศรีสุวรรณรบท้าวอุเทน
ตอนที่ ๗ ศรีสุวรรณพยาบาลนางเกษรา
ตอนที่ ๘ อภิเษกศรีสุวรรณ
ตอนที่ ๙ พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อ
ตอนที่ ๑๐ พระอภัยได้นางเงือก
ตอนที่ ๑๑ นางสุวรรณมาลีไปเที่ยวทะเล
ตอนที่ ๑๒ พระอภัยมณีพบนางสุวรรณมาลี
ตอนที่ ๑๓ พระอภัยโดยสารเรือนางสุวรรณมาลี
ตอนที่ ๑๔ พระอภัยเรือแตก
ตอนที่ ๑๕ สินสมุทโดยสารเรือโจรสุหรั่ง
ตอนที่ ๑๖ สินสมุทพบศรีสุวรรณ
ตอนที่ ๑๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทตามพระอภัยมณี
ตอนที่ ๑๘ พระอภัยมณีโดยสารเรืออุศเรน
ตอนที่ ๑๙ พระอภัยมณี พบศรีสุวรรณกับสินสมุท
ตอนที่ ๒๐ สินสมุทรบกับอุศเรน
อ้างอิง


วันอังคารที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ลักษณะตัวละคร

ลักษณะตัวละคร


เจ้าละมาน

รูปภาพ เจ้าละมาด 
เจ้าละมาน เป็นกษัตริย์เมืองทมิฬ หน้าตาดุร้ายมาก ร่างกายใหญ่โต กินแต่เนื้อสัตว์ดิบๆ เป็นอาหาร มีศรทำด้วยเหล็กเป็นอาวุธ เจ้าละมานได้รับรูปกับจดหมายของ นางละเวง ก็ยกทัพไปตีเมืองผลึกเป็นทัพแรกก่อนเจ้าเมืองอื่นๆ จะไปถึง แต่ พระอภัยมณี เป่าปี่ให้หลับหมดทั้งกองทัพและจับเจ้าละมานล่ามโซ่ขังไว้ในกรง พวกทหารเห็นเอารูปของนางละเวงออกมากอดจูบก็ยึดไปให้พระอภัยมณีดู แล้วเจ้าละมานก็ถูกนำตัวไปปล่อยเกาะกลางทะเลจนอดข้าวอดน้ำตาย แต่ด้วยจิตใจที่ผูกพันหลงใหลนางละเวง ปีศาจจึงเข้าไปสิงในรูปที่พระอภัยมณีเก็บไว้ คอยป้องกันมิให้ใครทำลายรูปนั้น จะฉีกก็ไม่ขาด เอาเผาไฟปีศาจก็ออกมาไล่ทุบตีคนเผา จนสุดสาครใช้ไม้เท้าวิเศษตีไปที่รูปปีศาจจึงสิ้นฤทธิ์ รูปนั้นก็ป่นเป็นผงแล้วหายไป




เจ้าวาหุโลม

รูปภาพ เจ้าวาหุโลม
เจ้าวาหุโลม เป็นกษัตริย์ครองเมืองวาหุโลม มีเชื้อชาติเป็นยักษ์กินแต่เนื้อสัตว์ปีกกับไข่เป็นอาหาร ส่วนขนสัตว์ปีกใช้ทำเครื่องประดับที่หมวกกับเสื้อ และยังมีชุดนกสำหรับสวมเวลาออกทำสงคราม เมื่อสวมแล้วจะบินได้ไกลมาก ใช้ตรี คทา และกริชทองแดงเป็นอาวุธ ขี่เสือโคร่งเป็นพาหนะ สามารถปราบเมืองต่างๆ ให้อ่อนน้อมอยู่ในอำนาจได้ถึงร้อยเอ็ดเมือง มีลูกชายคนเดียวชื่อ "วาโหม" เมื่อ นางเสาวคนธ์ ปลอมตัวเป็นฤาษีอัคนี แล่นเรือไปจนถึงเมืองวาหุโลม แล้วยึดเมืองหน้าด่านได้เจ้าวาหุโลม จึงยกทัพออกไปต่อต้านแต่ถูกจับตัวได้ ฤาษีอัคนีบอกให้เจ้าวาหุโลมถือศีลตลอดไปแล้วจะไว้ชีวิตเจ้าวาหุโลมอัปยศอดสู มากจนไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ จึงเขียนจดหมายบอกให้วาโหมยอมอ่อนน้อมต่อฤาษีอัคนี แล้วใช้มีดเชือดคอตาย


โจรสุหรั่ง

รูปภาพ โตรสุหรั่ง

โจรสุหรั่ง เป็นโจรสลัดชาวอังกฤษ มีบริวารโจรถึงห้าหมื่นคน เรือกำปั่นของโจรสุหรั่งยาวถึงยี่สิบเส้น บนเรือสร้างเป็นตึก มีสวนผลไม้และเลี้ยงสัตว์ไว้เป็นอาหารด้วย โจรสุหรั่งแล่นเรืออยู่ในทะเลคอยปล้นเรือที่สัญจรไปมา วันหนึ่งพบ นางสุวรรณมาลี กับ สินสมุทร บนเกาะแห่งหนึ่งก็รับลงเรือไปด้วย ระหว่างทางโจรสุหรั่งมอมเหล้าสินสมุทรจนเมาหลับไปแล้วเข้าไปเกี้ยวพาราศีนาง สุวรรณมาลี พอสินสมุทรฟื้นขึ้นมารู้เรื่องจากนางสุวรรณมาลีก็โกรธมากฆ่าโจรสุหรั่งตาย พวกสมุนโจรเกรงกลัวสินสมุทรจึงยอมอ่อนน้อมยกย่องให้สินสมุทรเป็นนายโจรแทน


ชีเปลือย

รูปภาพ ชีเปลือย


 "ประหลาดใจไยหนอไม่นุ่งผ้า      จะเป็นบ้าไปหรือว่าถือศีล
หนวดถึงเข่าเคราถึงนมผมถึงตีน   ฝรั่งจีนแขกไทยก็ใช่ที"

ชีเปลือย เป็นชายชราไม่สวมเสื้อผ้า แต่เดิมเป็นพราหมณ์อยู่อินเดีย ลงเรือเดินทางมากลางทะเลแล้วเรือแตก จึงขึ้นไปอยู่บนเกาะพนม แล้วทำตัวเป็นผู้วิเศษ ไม่นุ่งห่มเสื้อผ้าชาวบ้านจึงเคารพนับถือมาก จนสร้างกุฏิให้เป็นที่อยู่ เมื่อเห็นไม้เท้ากับ ม้านิลมังกร ของ สุดสาคร ก็อยากได้ จึงหลอกสุดสาครไปผลักตกเหว แล้วขี่ม้านิลมังกรถือไม้เท้าเข้าไปในเมืองการะเวก ประกาศตัวเป็นผู้วิเศษ พระสุริโยไทยได้ข่าวก็นึกเลื่อมใสจึงให้ทหารไปรับตัวมา แต่พอลงจากหลังม้า ม้าก็หนีกลับไปหาสุดสาคร ต่อมาสุดสาครก็ตามมาแย่งไม้เท้าคืน ทุกคนจึงรู้ว่าถูกหลอกลวง สุดสาครสงสารจึงขอร้องให้พระสุริโยไทยปล่อยตัวชีเปลือยไป



นางเกษรา

รูปภาพ นางเกษรา


นางเกษรา เป็นธิดาของท้าวทศวงศ์กษัตริย์เมืองรมจักร นางมีกลิ่นตัวหอม และมีรูปโฉมงดงามมาก กษัตริย์หลายเมืองส่งทูตมาสู่ขอนางแต่ท้าวทศวงศ์ไม่ยกให้ใคร ครั้งสุดท้ายท้าวอุเทนกษัตริย์เมืองชวาส่งทูตมาสู่ขอและขู่ว่าถ้าไม่ยกให้จะ ยกทัพมาตีเมืองรมจักร เมื่อ ศรีสุวรรณ กับพราหมณ์ทั้งสามคนเดินทางมาถึง นางเกษราได้พบศรีสุวรรณและรักใคร่กัน ครั้นท้าวอุเทนยกทัพมา ศรีสุวรรณกับพราหมณ์ก็อาสาต่อต้านข้าศึก ศรีสุวรรณใช้วิชากระบี่กระบองต่อสู้จนได้ชัยชนะ กองทัพของท้าวอุเทนแตกพ่ายไป ท้าวทศวงศ์ได้จัดการให้ศรีสุวรรณกับนางเกษราแต่งงานกัน และให้ปกครองเมืองรมจักรแทน ต่อมานางเกษราก็ให้กำเนิดลูกสาวคนหนึ่งชื่อ นางอรุณรัศมี



นางเงือก

รูปภาพ นางเหงือก


นางเหงือก มีร่างครึ่งคนครึ่งปลา คือกายท่อนบนเป็นหญิงสาวสวย แต่ท่อนล่างตั้งแต่เอวลงไปเป็นมีหางเป็นปลา อาศัยอยู่ในทะเล นางเหงือกกับพ่อแม่ของนางได้ช่วยพา พระอภัยมณีกับ สินสมุทร หนี นางผีเสื้อสมุทร ไปที่เกาะแก้วพิสดาร แต่พ่อแม่ของนางหนีไม่ทันจึงถูกนางผีเสื้อสมุทรจับกิน แล้วนางเหงือกก็ตกเป็นภรรยาของพระอภัยมณี ต่อมาพระอภัยมณีกับสินสมุทรบวชเป็นโยคี และอาศัยเรือของท้าวสิลราชกลับไปบ้านเมือง ก่อนจากกันพระอภัยมณีไปร่ำลานางเหงือกและฝากแหวนกับปิ่นไว้ให้ลูกในท้องของ นางด้วย เวลาผ่านไปนางเหงือกคลอดลูกชาย รูปร่างหน้าตาเป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์ แล้วฝากให้ โยคี เลี้ยงดูให้ เพราะนางเลี้ยงลูกเองไม่สะดวก โยคีตั้งชื่อให้ว่า สุดสาคร



นางผีเสื้อสมุทร

รูปภาพ นางผีเสื้อสมุทร




"อียักษา ตาโตโมโหมาก รูปก็กากปากก็เปราะไม่เหมาะเหมง
นมสองข้างอย่างกระโปงดูโตงเตง ผัวของเองเขาระอาไม่น่าชม"


นางผีเสื้อสมุทร เป็นยักษ์ อาศัยอยู่ในถ้ำซึ่งอยู่กลางทะเล สามารถแปลงร่างเป็นหญิงสาวสวยได้ ชาติก่อนได้พรจากพระอิศวรให้ถอดดวงใจใส่ไว้ในก้อนหินได้ นางจึงกำเริบใจไปต่อสู้กับพระเพลิงจึงถูกไฟกรดเผาจนร่างมอดไหม้ นางก็กลายเป็นปีศาจสิงอยู่ในก้อนหินที่ฝากดวงใจไว้ ครั้นเวลาเนิ่นนานหลายปี ก้อนหินก็มีแขนขา หน้าตางอกออกมา แล้วในที่สุดก็มีชีวิตขึ้นมาอีก วันหนึ่งนางเห็น พระอภัยมณี จึงนึกรักจึงอุ้มไปอยู่กับนางในถ้ำ จนมีลูกชายด้วยกันชื่อ สินสมุทร ต่อมาพระอภัยมณีกับสินสมุทรก็พากันหนีไปจากนาง นางผีเสื้อสมุทรออกติดตามไปด้วยความรัก แต่แล้วนางก็ต้องตายด้วยเสียงปี่ของพระอภัยมณีร่างของนางก็กลับกลายเป็นหิน นอนอยู่ที่ชายหาดริมทะเลนั้นเอง



นางละเวงวัณฬา


รูปภาพ นางละเวงวัณฬา


นางละเวงวัณฬา เป็นธิดากษัตริย์เมืองลังกา และเป็นน้องของ อุศเรน เมื่อพ่อและพี่ชายของนางตาย นางก็ครองเมืองแทน โดยมีตราราหูเป็นขิงวิเศษประจำตัว นางต้องการแก้แค้นแทนพ่อและพี่ชายจึงส่งภาพวาดของนางซึ่งทำเสน่ห์ไว้พร้อม กับแนบจดหมายชักชวนให้ทำศึกกับเมืองผลึกไปถึงเจ้าเมืองต่างๆ โดยมีสัญญาว่าถ้าใครชนะนางจะยอมเป็นภรรยาและยกเมืองลังกาให้ครองด้วย บรรดาเจ้าเมืองเหล่านั้นหลงรูปของนางจึงยกทัพมารบกับเมืองผลึก แต่พ่ายแพ้ไปหมดทุกกองทัพ พระอภัยมณี จึงยกทัพไปตีเมืองลังกาบ้าง นางละเวงก็ใช้วิธีทำเสน่ห์ให้พระอภัยมณีหลงรักนาง แล้วนางก็ยุให้สู้รบกับกองทัพฝ่ายเมืองผลึก จน โยคี แห่งเกาะแก้วพิสดารมาเทศนาโปรด สันติสุขจึงกลับคืนมา เมื่อพระอภัยมณีออกบวช นางก็บวชตามไปปรนนิบัติรับใช้เช่นเดียวกับ นางสุวรรณมาลี



นางรำภาสะหรี 


รูปภาพ นางรำภาสะหรี


นางรำภาสะหรี เป็นธิดาของอิเรน เจ้าเมืองหน้าด่านชั้นนอกของเมืองลังกา มีผิวขาวราวกับสำลี รูปร่างหน้าตาสวยงาม แต่จนอายุได้ยี่สิบสี่ปีก็ยังไม่มีสามีเพราะกลัวจะมีลูก เมื่อพ่อตายขณะสู้รบกับ ศรีสุวรรณ นางก็ได้เป็นเจ้าเมืองแทน นางละเวง ยกย่องให้เป็นน้องสาวเพราะชอบที่นางรำภาสะหรีกล้าหาญและมีฝีมือ นางทั้งสองจึงเป็นคู่คิดคู่ปรึกษากันในการทำสงคราม นางละเวงสอนให้นางรำภาสะหรีทำเสน่ห์ศรีสุวรรณเพื่อตัดกำลังกองทัพของฝ่าย เมืองผลึก เมื่อสงครามสงบแล้วนางต้องพลัดพรากจากศรีสุวรรณ สาเหตุเพราะศรีสุวรรณต้องกลับไปเมืองรมจักรตามเดิม นางรำภาสะหรีมีบุตรชายกับศรีสุวรรณชื่อ "วลายุดา"




นางวาลี 

รูปภาพ นางวาลี


นางวาลี มีรูปร่างหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ ตัวดำ ที่ใบหน้ามีรอยแผลเป็นเต็มไปหมด จึงอยู่เป็นสาวโสดจนอายุได้ 34 ปี แต่นางก็ใฝ่ฝันว่าอยากมีสามีรูปงามและสูงศักดิ์ พ่อแม่ของนางตายหมดตั้งแต่นางยังเด็กจึงอาศัยอยู่กับตายาย นางวาลีได้ศึกษาเล่าเรียนตำรับตำราของตาจนมีความรู้แตกฉาน เมื่อ พระอภัยมณี ประกาศรับสมัครคนดีมีฝีมือเข้ารับราชการ นางวาลีก็ไปสมัคร และขอให้พระอภัยมณีแต่งงานกับนางด้วย พระอภัยมณีเห็นว่านางมีสติปัญญาเป็นเลิศและมีความรู้ดี จึงแต่งตั้งให้นางเป็นสนมเอก นางเป็นผู้ออกอุบายให้จับตัว อุศเรน ได้ และใช้วาจาพูดเยาะเย้ยจนอุศเรนอกแตกตาย แต่นางถูกปีศาจของอุศเรนเข้าสิงร่างจนป่วยหนักและถึงแก่ความตายในที่สุด




นางสุนี

รูปภาพ นางสุนี


นางสุนี เป็นหญิงร่างเล็กขนาดเด็กอายุสิบขวบ ผมแดงเหมือนสีชาด ตาดำสนิทสวมคราบงูแทนเสื้อผ้า มีฤทธิ์มาก สามารถพ่นควันออกจากปากเป็นสายรุ้งได้ และกางนิ้วมือออกกลายเป็นพญานาคห้าตัวได้อีกด้วย พระอินทร์บัญชาให้นางลงมาเกิดเพื่อคอยช่วยเหลือ มังคลา เมื่อเสร็จธุระแล้วจึงกลับขึ้นไปบนสวรรค์เช่นเดิม ถ้านางมีสามีเมื่อใดฤทธิ์สามารถที่มีอยู่จะเสื่อมหมดทันที มังคลาไปพบนางในป่าขณะที่ยกทัพไปชิงโคตรเพชรที่เมืองการะเวก และแสดงตราราหูให้นางเห็น นางจึงยอมอยู่ด้วย แต่นางจำชื่อตัวเองไม่ได้ มังคลาจึงตั้งชื่อให้ว่า "สุนี" เมื่อมังคลาออกรบกับ สุดสาคร และกำลังจะเสียทีถูกจับได้ นางสุนีก็พ่นควันเป็นสายรุ้งแล้วอุ้มมังคลาหนีไป ระหว่างเดินทางอยู่ในป่า นางสุนีก็ตกเป็นภรรยาของมังคลา ครั้นเมื่อสงครามยุติแล้ว มังคลาหนีไปกับพระสังฆราช นางสุนีก็หายสาบสูญไปเช่นกัน




นางสุวรรณมาลี

รูปภาพ นางสุวรรณมาลี

นางสุวรรณมาลี เป็นธิดาของท้าวสิลราช กษัตริย์เมืองผลึกกับนางมณฑา นางมีรูปโฉมงดงามมาก แต่มีนิสัยขี้หึง ได้หมั้นหมายไว้กับ อุศเรน โอรสกษัตริย์เมืองลังกา นางลงเรือไปเที่ยวทะเลกับท้าวสิลราชแล้วได้ไปพบกับ พระอภัยมณี ที่เกาะแก้วพิสดาร สินสมุทร บุตรของพระอภัยมณีพยายามเป็นสื่อให้นางรักใคร่กับพระอภัยมณี ทั้งสองมีธิดาฝาแฝดชื่อ สร้อยสุวรรณกับจันทร์สุดา ต่อมาพระอภัยมณีตัดสินใจบวชเป็นฤาษีบำเพ็ญศีลอยู่ที่เขาสินคุตร์ นางสุวรรณมาลีก็บวชตามไปปรนนิบัตรด้วยความจงรักภักดี




นางเสาวคนธ์ 

รูปภาพ นางเสาวคนธ์


นางเสาวคนธ์ เป็นธิดาของพระสุริโยไทยกษัตริย์เมืองการะเวก กับนางจันทวดี เมื่อสุริโยไทยเลี้ยง สุดสาคร ไว้เป็นลูกบุญธรรมก็ได้เป็นเพื่อนเล่นและเพื่อนเรียนกับนางเสาวคนธ์ ต่อมาสุดสาครออกตามหาพ่อ นางก็ไปด้วยจนสุดสาครได้พบกับ พระอภัยมณี และแล้วสุดสาครก็ได้หลงเสน่ห์นางสุลาลีวัน ทำให้นางเสาวคนธ์หึงหวง พอสงครามยุติ นางก็แกล้งขอโคตรเพชรของเมืองลังกา นางละเวง ก็ยกให้ แต่พอเสาวคนธ์รู้ว่าพระอภัยมณีสู่ขอนางให้แต่งงานกับสุดสาคร นางก็หนีไปเพราะรังเกียจที่สุดสาครมีภรรยาชาวลังกามาก่อน นางปลอมตัวเป็นฤาษีใช้ชื่อว่า "อัคนี" เดินทางไปถึงเมืองวาหุโลม และยึดเมืองนั้นได้ สุดสาครตามไปจนพบนาง และพยายามงอนง้อจนนางใจอ่อนยอมคืนดีด้วย




นางอรุณรัศมี


รูปภาพ นางอรุณรัศมี

นางอรุณรัศมี เป็นธิดาของ ศรีสุวรรณ กับ นางเกษรา นางสนิทสนมและเป็นเพื่อนเล่นกับ สินสมุทร มาตั้งแต่เด็กๆ ความใกล้ชิดของทั้งสองทำให้มีความผูกพันรักใคร่กัน ครั้งที่สินสมุทรไปทำศึกกับเมืองลังกา และถูกนางยุพาผกาทำเสน่ห์จนสินสมุทรหลงใหล ทำให้นางอรุณรัศมีกินแหนงแคลงใจ ครั้นเสร็จศึกแล้ว พระอภัยมณี สู่ขอนางให้แต่งงานกับสินสมุทร นางเกษราก็กลัวจะเป็นน้อยของหญิงชาวลังกา จึงไม่ยอมเข้าพิธีแต่งงานพวกญาติผู้ใหญ่ต้องบังคับให้นางเข้าพิธี แต่นางก็ไม่ยอมเข้าหอและขู่ว่าถ้าบังคับจะฆ่าตัวตาย นางสุวรรณมาลี สงสารสินสมุทรก็แนะวิธีให้ สินสมุทรจึงได้นางเป็นภรรยาสมปรารถนา




บาทหลวงปีโป

รูปภาพ บาทหลวงปีโป


บาทหลวงปีโป เป็น นักบวชฝรั่งชาวลังกา อาศัยอยู่ที่หมู่บ้านสิกคารนำ มีความรู้ทางโหราศาสตร์ สามารถรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ บาทหลวงปีโปเลี้ยงเด็กสาวกำพร้าไว้สองคนคือ นางยุพาผกา และนางสุฬาลีวัน เมื่อ นางละเวง หนี พระอภัยมณี แล้วหลงทางไป บาทหลวงรู้ล่วงหน้าจึงจัดชาวบ้านให้คอยต้อนรับ นางละเวงนึกชอบนางยุพาผกา กับนางสุลาลีวันจึงขอไปเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม ซึ่งบาทหลวงปีโปก็ยิมยอมยกให้ ครั้นงนางชวนไปเป็นที่ปรึกษาการทำศึกที่เมืองลังกา บาทหลวงกลับปฏิเสธ แต่ให้คำแนะนำนางว่าไม่ควรฆ่าพระอภัยมณีเพราะเป็นเนื้อคู่ของนาง




พระสังฆราช

รูปภาพ พระสังฆราช


พระสังฆราช เป็นบาทหลวงฝรั่ง นักปราชญ์ราชครูของเมืองลังกา นางละเวงวัณฬา เชิญมาเป็นที่ปรึกษาราชการสงคราม พระสังฆราชเป็นผู้แนะนำให้นางละเวงส่งจดหมายกับภาพวาดหลงเสน่ห์ไปยังเมือง ต่างๆ ชักชวนให้รบกับเมืองผลึก เมื่อ พระอภัยมณี ยกทัพมาตีเมืองลังกาแล้วถูกเสน่ห์ของนางละเวงจนกระทั่งนางละเวงตกเป็นภรรยา ของพระอภัยมณีทำให้พระสังฆราชไม่พอใจด่าว่านางละเวงมากมาย ครั้นสงครามสงบและนางละเวงให้กำเนิดลูกชายชื่อ มังคลา พระสังฆราชก็เป็นผู้ให้การอบรมสั่งสอนวิชาต่างๆ และยุยงให้ชิงโครตเพชรกลับมา จนกระทั่งสงครามอุบัติขึ้นอีกครั้ง พอพระอภัยมณีเป่าปี่สะกดกองทัพของมังคลา พระสังฆราชอุดหูเสียทันแล้วพามังคลาหนีไป




พระอภัยมณี 

รูปภาพ พระอภัยมณี


พระอภัยมณี เป็นโอรสของท้าวสุทัศน์กษัตริย์แห่งกรุงรัตนากับนางปทุมเกสร มีน้องชายชื่อ ศรีสุวรรณ พระอภัยมณีไปเรียนวิชาเป่าปี่จนเชี่ยวชาญสามารถทำให้ผู้ที่ได้ยินเสียงปี่ เคลิ้มหลับได้ แต่ท้าวสุทัศน์ไม่พอใจถึงขับไล่ออกจากเมืองไปพร้อมกับศรีสุวรรณ ระหว่างเดินทางพระอภัยมณีถูกนาง นางผีเสื้อสมุทร ลักพาตัวไปอยู่กับนางในถ้ำจนมีลูกชายด้วยกันชื่อ สินสมุทร ต่อมาพระอภัยมณีก็พาสินสมุทรหนีไปอยู่กับ โยคี ที่เกาะแก้วพิสดาร แล้วได้พบกับ นางสุวรรณมาลี ธิดาท้าวสิลราช ครั้นได้แต่งงานกับนางแล้ว ก็ต้องทำสงครามกับ อุศเรน ซึ่งเป็นคู่หมั้นของนาง จนอุศเรนตาย นางละเวงวัณฬา น้องสาวของอุศเรนคิดแก่แค้นแทนจึงต้องทำสงครามกัน พระอภัยมณีถูกนางละเวงวัณฬาทำเสน่ห์ให้หลงใหลนางจนตามไปอยู่ในเมืองลังกา ด้วย และนางยังยุให้พระอภัยมณีทำสงครามกับฝ่ายเดียวกัน กระทั่งโยคีแห่งเกาะแก้วพิสดารมาเทศนาโปรดสงครามจึงยุติลง ในปั้นปลายชีวิตพระอภัยมณีได้บวชเป็นฤาษีบำเพ็ญศีลอยู่ที่เขาสิงคุตร์

พระอภัยมณีมีนิสัยเจ้าชู้ จึงมีภรรยาหลายคน คือ


  • นางผีเสื้อสมุทรมีลูกชายชื่อ สินสมุทร



  • นางเงือก มีลูกชายชื่อ สุดสาคร



  • นางวาลี อยู่ด้วยกันไม่นานนางก็ตาย



  • นางสุวรรณมาลีมีธิดาแฝดชื่อ สร้อยสุวรรณ จันทร์สุดา



  • นางละเวงวัณฬามีลูกชายชื่อ มังคลา




พราหมณ์โลกเชษฐ์

             รูปภาพ พราหมณ์โลกเชษฐ์

พราหมณ์โลกเชษฐ์ เป็นทิศาปาโมกข์ของเมืองการะเวก มีอายุได้ร้อยยี่สิบปีเศษ เป็นผู้ที่มีความรอบรู้มาก กษัตริย์ของเมืองการะเวกนับตั้งแต่ปู่ของพระสุริโยไทยเป็นต้นมาล้วนแต่เป็น ศิษย์ของพราหมณ์ผู้นี้ทั้งสิ้น เมื่อพระสุริโยไทยได้รับหนังสือแจ้งข่าวจาก นางสุวรรณมาลี ว่า พระอภัยมณี ศรีสุวรรณ และ สินสมุทร สุดสาคร ได้หลงเสน่ห์สาวลังกากันหมด ก็ไปปรึกษาพราหมณ์โลกเชษฐ์ และได้เดินทางไปพร้อมกับ นางเสาวคนธ์ เพื่อช่วยแก้ไข พราหมณ์โลกเชษฐ์รู้ล่วงหน้าว่า นางละเวง จะหลอกให้พระอภัยมณีเป่าปี่สะกดกองทัพฝ่ายเมืองผลึก เพื่อเผด็จศึกในขั้นแตกหัก จึงบอกให้ทุกคนใช้ขึ้ผึ้งอุดหู แล้วเสกเข็มเป็นนกกาละเวกก สำหรับปล่อยไปจิกพวกของนางละเวง ส่วนตนเองทำพิธีเชิญ โยคี จากเกาะแก้วพิสดารมาระงับศึก สันติภาพจึงกลับคืนมา



มังคลา

รปภาพ มังคลา


มังคลา เป็นบุตรของ พระอภัยมณี ที่เกิดจาก นางละเวงวัณฬา ผิวขาวเหมือนแม่แต่หน้าตาคมคายเหมือนพ่อ ได้ร่ำเรียนวิชากับ พระสังฆราช เมื่ออายุครบสิบห้าปีนางละเวงวัณฬาก็ให้ปกครองเมืองลังกาแทนนาง พร้อมกับมอบตราราหูให้ด้วย พระสังฆราชยุยงให้ไปชิงโคตรเพชรคืนมาจากเมืองกาละเวก มังคลาก็เชื่อและปฏิบัติตามจนกระทั่งต้องทำสงครามใหญ่กันอีก นางละเวงพยายามตักเตือนก็ไม่เชื่อฟัง มิหนำซ้ำยังคิดฆ่าพ่อฆ่าแม่อีกด้วย ในที่สุดพระอภัยมณีจนระงับสงครามโดยเป่าปี่สะกดให้ไพร่พลหลับกันหมด มังคลามีตราราหูคุ้มครองจึงไม่หลับ สามารถหลบหนีไปได้พร้อมกับพระสังฆราช



ม้านิลมังกร

รูปภาพ ม้านิลมังกร

ม้านิลมังกร เป็นสัตว์ลูกผสม พ่อเป็นมังกร แม่เป็นม้า จึงมีรูปร่างประหลาด หัวและหน้าเหมือนมังกร ตัวและกลีบเท้าเหมือนม้า หางเหมือนพญานาค ลำตัวสีดำเหมือนนิล มีลักษณะพิเศษ คือ เขี้ยวเป็นเพชรเกล็ดเป็นนิล ลิ้นเป็นปาน อยู่ยงคงกระพันไม่มีอาวุธชนิดใดทำอันตรายได้ เดินบนผิวน้ำได้เหมือนกับเดินอยู่บนพื้นดิน อาศัยอยู่ในทะเล กินคน ปลา ปู หญ้า ใบไม้เป็นอาหาร สุดสาคร ได้พบและจับมาได้จากทะเล โยคี ตั้งชื่อให้ตามลักษณะรูปร่างว่า "ม้านิลมังกร" นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ม้านิลมังกรเป็นพาหนะประจำตัวของสุดสาคร ติดตามสุดสาครไปทุกหนทุกแห่ง



โมรา

รูปภาพ โมรา

โมรา เป็นพราหมณ์หนุ่ม มีความรู้ในการใช้ฟางหรือหญ้ามาผูกเป็นเรือสำเภาแล้วเสกให้แล่นไปในน้ำได้ทุกหนทุกแห่ง เป็นเพื่อนรักกับ วิเชียร และ สานน ได้พบกับ พระอภัยมณี และ ศรีสุวรรณ จนกระทั่งพระอภัยมณีถูกลักพาตัวไป ขณะที่ทุกคนเผลอสติหลับไป เมื่อฟังเสียงปี่ของพระอภัยมณี โมราก็ใช้ฟางผูกเป็นสำเภายนต์ออกติดตามไปจนถึงเมืองรมจักร ได้พบกับนางประภาวดีพี่เลี้ยงของ นางเกษรา และรักกัน ศรีสุวรรณเป็นกษัตริย์ครองเมืองรมจักรแล้วก็แต่งตั้งโมราไปครองเมืองจารึก ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านทางทิศตะวันออก โมรากับนางประภาวดีมีลูกชายชื่อ "มังกร"



ย่องตอด

รูปภาพ ย่องตอด

ย่องตอด เป็นลูกชายเศรษฐีแห่งบ้านด่นสิงหล มีนิสัยขี้อายและโง่เขลา พ่อแม่หาภรรยาให้แต่ย่องตอดอายจึงไม่ได้เข้าหอ คืนหนึ่งตัดสินใจเข้าไปปลุกปล้ำ นางตกใจดิ้นรนและถีบย่องตอดไปถูกตาข้างขวาจนตาบอด ย่องตอดเสียดายจึงคว้าดวงตากลืนกินเข้าไป แล้วหนีเข้าป่าไปอยู่ที่ถ้ำกลำพันกับพวกปีศาจ และได้เรียนวิชากับพวกปีศาจจนอยู่ยงคงกระพัน แม้ถูกฆ่าตายแล้ว พอแสงแดดส่องมาถูกร่างกายก็จะฟื้นขึ้นได้อีก ย่องตอดกินสัตว์เนื้อดิบๆ และเลือดสดๆ เป็นอาหาร ในคืนที่ นางละเวงวัณฬา หนีเสียปี่ของ พระอภัยมณี ไปพักอยู่ในอยู่ในป่าใกล้ถ้ำกลำพัน ย่องตอดจับม้าของนางกินแล้วถูกนางจับตัวไว้ได้ นางละเวงเห็นย่องตอดมีวิชาดีจึงเลี้ยงไว้เป็นทหารเพื่อให้ช่วยทำศึก



โยคี

รูปภาพ โยคี

โยคี หรือ พระฤาษี เป็นนักบวชชรา ถือลัทธิบูชาไฟ มีอายุได้พันปีเศษ บำเพ็ญศีลอยู่ที่เกาะแก้วพิสดารมาเป็นเวลานาน มีมนต์วิเศษหลายอย่าง สามารถปราบภูตผีปีศาจได้ พวกเรือแตกหลายชาติหลายภาษา เช่น แขก จีน ฝรั่ง ไทย ชวา มาอาศัยอยู่ด้วยนับร้อยคน คนเหล่านั้นตอบแทนคุณด้วยการดูแลปรนนิบัติรับใช้โยคี เมื่อ พระอภัยมณี กับ สินสมุทร พากันหนี นางผีเสื้อสมุทร มาถึงเกาะแก้วพิสดาร โยคีก็ให้อาศัยอยู่ด้วย ครั้นคนทั้งสองจากไป โยคีก็ช่วยดูแล นางเงือก ภรรยาคนหนึ่งของพระอภัยมณี จนนางคลอดลูกและโยคีก็ได้ช่วยเลี้ยงดูจนเติบโตพร้อมทั้งสั่งสอนวิชาความรู้ต่างๆ ให้



วิเชียร

รูปภาพ วิเชียร
วิเชียร เป็นพราหมณ์หนุ่ม ชำนาญในการยิงธนู สามารถยิงได้คราวละเจ็ดดอก แต่ละดอกถูกเป้าอย่างแม่นยำ มีเพื่อนรักอีก 2 คน คือ โมรา กับ สานน วิเชียรกับเพื่อนๆ ได้พบ พระอภัยมณี และ ศรีสุวรรณ พอพระอภัยมณีถูก นางผีเสื้อสมุทร ลักพาตัวไป วิเชียรกับเพื่อนทั้งสองก็เดินทางไปติดตามหาพระอภัยมณีร่วมกับศรีสุวรรณด้วย จนไปถึงเมืองรมจักร ขณะที่ศรีสุวรรณได้พบรักกับ นางเกษรา ลูกของกษัตริย์เมืองรมจักร วิเชียรก็รักกับนางจงกลนีพี่เลี้ยงคนหนึ่งของนางเกษรา ครั้นศรีสุวรรณเป็นกษัตริย์ครองเมืองรมจักรก็แต่งตั้งให้วิเชียรไปครองเมือง ปราการ ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านทางเหนือของเมืองรมจักร วิเชียรกับนางจงกลนีมีลูกชายด้วยกันคนหนึ่งชื่อ "มะหุด"



ศรีสุวรรณ

รูปภาพ ศรีสุวรรณ


ศรีสุวรรณ เป็นโอรสของท้าวสุทัศน์กับนางปทุมเกสรแห่งกรุงรัตนา และเป็นน้องของ พระอภัยมณี ได้เรียนวิชากระบี่กระบองจนชำนาญ แต่วิชาที่เรียนไม่ถูกใจของท้าวสุทัศน์จึงถูกขับไล่ออกจากเมืองพร้อมกับพระ อภัยมณี ระหว่างเดินทางศรีสุวรรณต้องพลัดพรากกับพี่ชาย เพราะพระอภัยมณีถูกนาง นางผีเสื้อสมุทร ลักพาตัวไป ศรีสุวรรณพยายามออกติดตามหาไปจนถึงเมืองรมจักรมีโอกาสได้รู้จักกับ นางเกษรา ซึ่งเป็นธิดาของท้าวทศวงศ์กษัตริย์เมืองรมจักร และได้แต่งงานกัน ต่อมาศรีสุวรรณก็ได้ครองเมืองรมจักรแทนท้าวทศวงศ์จนเวลาผ่านไปหลายปีจึงได้ บพกับพระอภัยมณีอีกครั้ง

ศรีสุวรรณมีภรรยา 3 คน คือ


  • นางเกษรา มีธิดาด้วยกัน ชื่อ นางอรุณรัศมี

  • นางรำภาสะหรี มีบุตรชายชื่อ "วลายุดา"

  • นางศรีสุดา ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงของนางเกษรา มีบุตรชายชื่อ "กฤษณา"



สานน

รูปภาพ สานน

สานน เป็นพราหมณ์หนุ่มเพื่อนรักของ วิเชียร และ โมรา สานนมีวิชาจับยามสามตาดูฤกษ์ยาม และสามารถเรียกลมเรียกฝนได้ สานนติดตามศรีสุวรรณไปถึงเมืองรมจักรเช่นเดียวกับเพื่อนรักทั้งสอง สานนได้พบกับนางอุบลพี่เลี้ยงของ นางเกษรา และรักกัน ภายหลัง ศรีสุวรรณ ได้แต่งตั้งให้สานนไปปกครองเมืองสายัณห์ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านด้านตะวันตก สานนมีลูกชายที่เกิดจากนางอุบลชื่อ "ยุขัน" เมื่อ พระอภัยมณี และศรีสุวรรณไปทำศึกกับเมืองลังกา สานนกับเพื่อนทั้งสองก็ช่วยทำศึกอย่างไม่ย่อท้อ จนกระทั่งสงครามยุติลง


สินสมุทร

รูปภาพ สินสมุทร

สินสมุทร เป็นบุตรของ พระอภัยมณี กับ นางผีเสื้อสมุทร มีรูปร่างหน้าตางดงามคล้ายพระอภัยมณี แต่มีเขี้ยว ผมหยิก ตาแดง มีกำลังมาก พออายุได้ 8 ขวบ พ่อก็ชวนให้หนีไปอาศัยอยู่กับ โยคี ที่เกาะแก้วพิสดาร ต่อมาทั้งสองได้อาศัยไปกับเรือของท้าวสิลราชเพื่อเดินทางกลับกรุงรัตนา แต่เรือแตกเพราะถูกนางผีเสื้อสมุทรตามมาอาละวาด สินสมุทรพานางสุวรรณมาลีหนีไปที่เกาะแห่งหนึ่งจึงพลัดกับพ่อ ต่อมา โจรสุหรั่ง รับขึ้นเรือไปด้วย สินสมุทรโกรธที่โจรสุหรั่งลวนลาม นางสุวรรณมาลี จึงฆ่าโจรสุหรั่งตาย แล้วยึดเรือลำนั้นเดินทางต่อไปจนถึงเมืองรมจักรได้พบกับศรีสุวรรณ จึงชวนกันไปติดตามหาพระอภัยมณีจนกระทั่งได้พบกัน เมื่อเสร็จศึกกับเมืองลังกาแล้ว สินสมุทรก็ได้แต่งงานกับ นางอรุณรัศมี


สุดสาคร

รูปภาพ สุดสาคร

สุดสาคร เป็นบุตรของ พระอภัยมณี กับ นางเงือก ว่ายน้ำและดำน้ำเก่ง โยคี นำมาเลี้ยงไว้ตั้งแต่เพิ่งคลอดและสั่งสอนวิชาต่างๆ ให้จนแตกฉาน เมื่ออายุได้ 3 ขวบก็จับ ม้านิลมังกร มาได้ โยคีแนะนำให้สุดสาครตามหาพ่อโดยให้ไม้เท้าวิเศษไว้ป้องกันตัวและบวชเป็นโยคีให้ ระหว่างเดินทางถูก ชีเปลือย แก่หลอกไปผลักตกเหว แล้วยึดไม้เท้ากับม้านิลมังกรไป แต่ไม่นานม้าก็หนีกลับมาหา โยคีตามไปช่วยสุดสาครขึ้นจากเหวได้ สุดสาครจึงตามชีเปลือยเข้าเมืองการะเวกแย่งไม้เท้าคืนมาได้ พระสุริโยทัยกษัตริย์เมืองการะเวกสงสารสุดสาครจึงเลี้ยงไว้เป็นลูกบุญธรรม สิบปีผ่านไปสุดสาครก็ขออำลาไปตามหาพระอภัยมณีอีก หัสไชยและนางเสาวคนธ์โอรสธิดาของสุริโยทัยขอตามไปด้วย แล้วทั้งสามก็ตามหาพระอภัยมณีจนพบ ต่อมาสุดสาครได้แต่งงานกับ นางเสาวคนธ์ แล้วเป็นกษัตริย์ครองเมืองลังกา


หัสไชย

รูปภาพ หัสไชย

หัสไชย เป็นโอรสของพระสุริโยทัยกับนางจันทวดี แห่งเมืองการะเวก และเป็นน้องของ นางเสาวคนธ์ ได้ร่วมเรียนวิชาและฝึกอาวุธพร้อมๆ กับ สุดสาคร เมื่อสุดสาครออกตามหาพ่อ หัสไชยก็ติดตามไปด้วย จึงได้รู้จักและสนิทสนมกับนางสร้อยสุวรรณ และนางจันทร์สุดา ธิดาแฝดของ พระอภัยมณี กับ นางสุวรรณมาลี ภายหลังเมื่อสงครามสงบแล้ว หัสไชยก็ได้แต่งงานกับนางนางสร้อยสุวรรณและนางจันทร์สุดา แล้วกลับไปครองเมืองการะเวกอย่างมีความสุข


อุศเรน

รูปภาพ อุศเรน


อุศเรน เป็นโอรสกษัตริย์เมืองลังกา คู่หมั้นของ นางสุวรรณมาลี รู้ว่านางสุวรรณมาลีหายไปในทะเลก็เสียใจ แล่นเรือออกติดตามหานางโดยตั้งใจว่าถ้าหานางไม่พบจะไม่ยอมกลับ อุศเรนพบ พระอภัยมณี อยู่บนเกาะกลางทะเลก็สงสารรับลงเรือไปด้วย แล้วเดินทางต่อไปจนพบเรือของ ศรีสุวรรณ และ สินสมุทร ซึ่งมีนางสุวรรณมาลีอยู่ด้วยแต่สินสมุทรไม่ยอมคืนนางสุวรรณมาลีให้ อุศเรนจึงต้องต่อสู้กับสินสมุทร และพ่ายแพ้แก่สินสมุทร อุศเรนได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องหนีกลับไปเมืองลังกา เมื่อบาดแผลหายดีแล้วก็ยกทัพใหญ่ไปตีเมืองผลึกเพื่อแย่งนางสุวรรณมาลีคืน แต่เสียทีถูกกลอุบายของ นางวาลี จนถูกจับตัวได้แล้ว นางวาลีก็พูดเยาะเย้ยให้อุศเรนแค้นใจจนอกแตกตาย ปีศาจของอุศเรนมีความแค้นรุนแรงมากเข้าสิงร่าง นางวาลี จนนางถึงแก่ความตายไปด้วย


เรื่องย่อ

เรื่องย่อ



เรื่องย่อ
           พระอภัยมณีและศรีสุวรรณเป็นโอรสของท้าวสุทัศน์และพระนางประทุมเกสรผู้ครองกรุงรัตนา เมื่อพระอภัยมณีและศรีสุวรรณเจริญวัยขึ้น ท้าวสุทัศน์ให้ทั้งสองพระองค์ไปแสวงหาวิชาความรู้ตามแบบอย่างของกษัตริย์ทั้งหลาย พระอภัยมณีและศรีสุวรรณเดินทางแสวงหาความรู้ไปจนถึงหมู่บ้านจันตคาม ได้พบทิศาปาโมกข์ ๒ คน คนหนึ่งชำนาญในทางปี่ คนหนึ่งชำนาญในทางกระบอง พระอภัยมณีเลื่อมใสในทางปี่ ส่วนศรีสุวรรณเลือกศึกษาทางกระบอง โดยทิศาปาโมกข์คิดค่าเรียนไว้เป็นทองแสนตำลึง ทั้งสองพระองค์ใช้แหวนทองตีราคาเป็นค่าเรียนและได้เป็นศิษย์ศึกษาวิชาอยู่ในสำนักนั้น เมื่อเรียนสำเร็จแล้วพระอภัยมณีและศรีสุวรรณก็ลาทิศาปาโมกข์กลับเมือง ทิศาปาโมกข์มอบปี่ให้แก่พระอภัยมณีและมอบกระบองให้แก่ศรีสุวรรณ
            ท้าวสุทัศน์ทรงทราบวิชาที่ทั้งสองร่ำเรียนมาก็กริ้วว่า เลือกเรียนวิชาชั้นต่ำไม่สมกับที่เป็นโอรสกษัตริย์ จึงขับไล่ออกจากบ้านเมือง โอรสทั้งสองจึงต้องเดินทางระหกระเหินไปในป่าได้รับความลำบากยิ่ง จนมาถึงชายทะเลแห่งหนึ่ง ได้พบกับพราหมณ์สามคน ชื่อวิเชียร โมรา และสานน พราหมณ์วิเชียรมีความสามารถยิงธนูได้ทีละเจ็ดดอก พราหมณ์โมรา มีความสามารถผูกหญ้าเป็นสำเภายนต์ ส่วนพราหมณ์สานนมีความสามารถเรียกลมเรียกฝนได้ ทั้งห้าต่างแสดงวิชาให้กันและกันชม พระอภัยมณีแสดงวิชาเป่าปี่ให้สามพราหมณ์ฟัง เสียงปี่ทำให้ศรีสุวรรณและสามพราหมณ์นอนหลับหมดในเวลาไม่นานนัก
           ในเวลานั้นนางผีเสื้อสมุทรตนหนึ่งออกหากิน ได้ยินเสียงเพลงปี่ของพระอภัยมณีก็เกิดความรู้สึกปั่นป่วนใจ จึงตามหาต้นตอของเสียงปี่ เมื่อได้เห็นพระอภัยมณีก็เกิดความรัก จึงอุ้มพระอภัยมณีไปไว้ในถ้ำของตนเอง แล้วแปลงกายเป็นหญิงงาม พระอภัยมณีรู้ว่านางเป็นยักษ์ แต่ต้องจำใจอยู่กินกับนางผีเสื้อสมุทรถึงแปดปีจนเกิดโอรสคนหนึ่ง ชื่อ สินสมุทร สินสมุทรเป็นเด็กที่แข็งแรงมาก วันหนึ่งขณะที่นางผีเสื้อสมุทรออกไปหากิน สินสมุทรผลักก้อนหินปากถ้ำที่นางผีเสื้อปิดไว้เพื่อขังพระอภัยมณีและสินสมุทรให้อยู่ในถ้ำออก แล้วหนีไปเที่ยว พบเงือกชราตัวหนึ่งไม่รู้จักว่าเป็นตัวอะไร จึงจับมาให้พระอภัยมณีดู เงือกชราอ้อนวอนขอให้พระอภัยมณีสั่งในสินสมุทรปล่อยตัวไป โดยให้สัญญาว่าจะพาพระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อสมุทรไปยังเกาะแก้วพิสดาร โดยขอให้พระอภัยมณีทำอุบายให้นางผีเสื้อสมุทรออกจากถ้ำไปที่อื่นสามวัน พระอภัยมณีเห็นว่าเป็นช่องทางที่จะหนีจากนางผีเสื้อสมุทรได้ประกอบกับความสงสารเงือกชราที่ถูกสินสมุทรทรมานจึงขอให้สินสมุทรปล่อยเงือกชราไปและห้ามเล่าเรื่องนี้ให้นางผีเสื้อสมุทรฟัง ต่อมานางผีเสื้อสมุทรฝันว่าเทวดาที่เกาะมาควักดวงตาทั้งสองข้างเหาะหนีไป นางตกใจตื่นจึงเล่าความฝันให้พระอภัยมณีฟัง พระอภัยมณีได้โอกาสจึงทำนายฝันว่านางผีเสื้อสมุทรกำลังมีเคราะห์จะต้องไปถือศีลสะเดาะเคราะห์ ห้ามกินเนื้อสัตว์ และไปถือศีลอยู่บนเขาสามคืน นางผีเสื้อสมุทรเชื่อจึงออกไปถือศีลอดอาหารอยู่บนเขา
            พระอภัยมณีจึงเรียกให้เงือกชราพาหนีโดยมีเมียและลูกสาวเงือกชราติดตามมาด้วย ครั้นครบกำหนดสามวัน นางผีเสื้อสมุทรเลิกถือศีลกลับมายังถ้ำ ไม่เห็นพระอภัยมณีและสินสมุทร ก็รู้ว่ามีคนพาหนีจึงออกติดตามด้วยความโกรธ เมื่อติดตามมาใกล้จะทัน เงือกชราผัวเมียออกอุบายให้พระอภัยมณีไปกับลูกสาว ส่วนตนเองและสินสมุทรจะหลอกล่อถ่วงเวลาไว้ เมื่อนางผีเสื้อตามทันเงือกชราผัวเมีย นางจึงฆ่าเสียแล้วติดตามลูกสาวเงือกที่พาพระอภัยมณีหนีต่อไปยังเกาะแก้วพิสดาร พอดีโยคีช่วยไว้ทัน พระอภัยมณี สินสมุทร และนางเงือกจึงอาศัยอยู่กับพระโยคีที่เกาะแก้วพิสดารนั้น ส่วนนางผีเสื้อสมุทรเข้าไปบนเกาะไม่ได้ จึงวนเวียนอยู่ในบริเวณนั้น
           พระอภัยมณีและสินสมุทรได้เรียนภาษาต่าง ๆ จากผู้คนหลายชาติหลายภาษาบนเกาะจนเชี่ยวชาญ ต่อมาพระอภัยมณีได้นางเงือกเป็นชายา และภายหลังได้บวชเป็นฤาษีพร้อมกับสินสมุทร ฝ่ายศรีสุวรรณและพราหมณ์ทั้งสามคน เมื่อตื่นขึ้นมาไม่พบพระอภัยมณีก็โศกเศร้า และออกติดตามหาพระอภัยมณีมาถึงเมืองรมจักรซึ่งมีท้าวทศวงศ์เป็นเจ้าเมือง และมีพระธิดาชื่อ เกษรา เป็นหญิงที่สวยงาม มีเจ้าเมืองแขกชวาชื่อท้าว อุเทนมาสู่ขอ แต่ท้าวทศวงศ์ไม่ยกให้ ท้าวอุเทนจึงยกทัพมาตีเมืองรมจักร ศรีสุวรรณและพราหมณ์ทั้งสามได้อาสาออกรบได้ชัยชนะ ท้าวทศวงศ์จึงจัดงานอภิเษกศรีสุวรรณกับพระธิดาเกษรา ทั้งสองพระองค์มีพระธิดาชื่ออรุณรัศมี กล่าวถึงท้าวสิลราช เจ้าเมืองผลึก มีพระธิดาชื่อสุวรรณมาลีได้หมั้นหมายกับโอรสเจ้าเมืองลังกาชื่อ อุศเรน เมื่อใกล้กำหนดวันอภิเษก นางสุวรรณมาลีฝันว่าได้ไปเที่ยวทะเล เห็นดวงแก้วอยู่กลางเกาะ นางเหาะไปหยิบได้ โหรทายว่าจะมีเคราะห์ แต่จะได้คู่ครองที่เหมาะสม นางรู้สึกไม่สบายใจ ท้าวสิลราชจึงพาเที่ยวทะเลมาถึงเกาะแก้วพิสดาร พระอภัยมณีและสินสมุทรขออาศัยเรือไปด้วย เมื่อนางผีเสื้อรู้เข้าก็ทำลายเรือจนเรือแตก ท้าวสิลราชสิ้นพระชนม์ในทะเล พระอภัยมณีว่ายน้ำหนีไปบนเกาะแห่งหนึ่ง นางผีเสื้อสมุทรติดตามพระอภัยมณีไปถึงเกาะ แต่ไม่สามารถขึ้นเกาะได้เพราะมนต์วิเศษของโยคีที่ให้พระอภัยมณีไว้ป้องกันตัว นางผีเสื้อสมุทรขอร้องให้พระอภัยมณีกลับไปอยู่ด้วย แต่พระอภัยมณีไม่ยอม นางผีเสื้อจึงร่ายเวทย์ให้ฝนตก พระอภัยมณีหนาวสั่นจึงตัดสินใจเป่าปี่สังหารนางผีเสื้อ เมื่อนางผีเสื้อตาย พระอภัยมณีรู้สึกสงสารจึงคิดจะปลงศพให้ แต่ชีปะขาวมาห้ามไว้ พระอภัยมณีจึงปล่อยนางให้เป็นหินอยู่ที่เชิงเขานั้น ฝ่ายอุศเรนคู่หมั้นของนางสุวรรณมาลี เมื่อทราบว่าคู่หมั้นของตนหายไปก็นำเรือออกค้นหา มาพบพระอภัยมณีที่เกาะกลางทะเล จึงรับพระอภัยมณีมาด้วย
             ส่วนสุวรรณมาลี เมื่อเรือแตกแล้ว สินสมุทรได้ช่วยเหลือนางและพาว่ายน้ำมาขึ้นที่เกาะแห่งหนึ่ง พบเรือของโจรสุหรั่งจึงได้ขออาศัยเดินทางกลับเมืองผลึกระหว่างทางโจรสุหรั่งพยายามเกี้ยวนางสุวรรณมาลี สินสมุทรโกรธจึงฆ่าโจรสุหรั่งแล้วนำเรือออกค้นหาพระอภัยมณีมาถึงเมืองรมจักร สินสมุทรรบกับศรีสุวรรณเพราะเข้าใจผิด สินสมุทรจับศรีสุวรรณได้ แต่ภายหลังได้รู้ว่าเป็นอาหลานกัน ศรีสุวรรณ สินสมุทร สุวรรณมาลี และอรุณรัศมี จึงออกติดตามพระอภัยมณีจนพบเรือของอุศเรน อุศเรนขอสุวรรณมาลีคืนจากสินสมุทร สินสมุทรไม่ยอม เพราะรักนางสุวรรณมาลีเหมือนแม่ พระอภัยมณีขอร้องให้สินสมุทรคืนนางสุวรรณมาลีให้อุศเรนด้วยสำนึกบุญคุณที่อุศเรนให้อาศัยเรือมา แต่สินสมุทรก็ไม่ยอม การกระทำของพระอภัยมณีในครั้งนี้ทำให้นางสุวรรณมาลีโกรธมากในที่สุดสินสมุทรจึงรบกับอุศเรน สินสมุทรจับอุศเรนได้ พระอภัยมณีขอให้ปล่อยอุศเรนไป เมื่ออุศเรนได้รับอิสรภาพกลับยกทัพมาต่อสู้อีกจนได้รับบาดเจ็บกลับลังกาไป
           จากนั้นพระอภัยมณี ศรีสุวรรณ       สุวรรณมาลี สินสมุทร และอรุณรัศมีก็เดินทางไปเมืองผลึก มเหสีท้าวสิลราชทราบว่าพระสวามีจมหายไปในทะเลก็คิดจะอภิเษกพระอภัยมณีกับสุวรรณมาลีเพื่อให้ครองเมืองต่อไป แต่สุวรรณมาลีน้อยใจพระอภัยมณีอยู่ จึงหนีไปบวชชี ต่อมามีหญิงชื่อวาลี เป็นเชื้อพราหมณ์มีความรู้ไตรเพทและมีความเฉลียวฉลาด แต่รูปชั่วตัวดำ ได้อาสาเข้ารับราชการเป็นสนมพระอภัยมณีและออกอุบายให้พระอภัยมณีได้อภิเษกกับสุวรรณมาลี หลังจากนั้นศรีสุวรรณ สินสมุทร และอรุณรัศมีลาพระอภัยมณีและสุวรรณมาลีไปกรุงรัตนาเพื่อพบท้าวสุทัศน์และนางปทุมเกสร แล้วจึงกลับเมืองรมจักร
            ส่วนพระอภัยมณีก็ได้พระธิดาฝาแฝดกับนางสุวรรณมาลีชื่อสร้อยสุวรรณและจันทร์สุดา
            ส่วนทางเกาะแก้วพิสดาร นางเงือกคลอดพระโอรส โยคีตั้งชื่อให้ว่า สุดสาคร เมื่อเติบโตขึ้นมาได้ร่ำเรียนวิชากับโยคี จนเก่งกล้าได้ม้านิลมังกรเป็นพาหนะและมีอาวุธคู่กายคือไม้เท้าวิเศษที่โยคีมอบให้ เมื่อสุดสาครเจริญวัยรู้สึกคิดถึงพระบิดา จึงลาพระโยคีออกตามหาพระอภัยมณีระหว่างทางพบอันตรายต่างๆ ต้องต่อสู้กับผีดิบ และถูกชีเปลือยซึ่งต้องการม้านิลมังกรและไม้เท้าวิเศษหลอกผลักตกลงไปในเหว ชีเปลือยได้ม้านิลมังกรกับไม้เท้าแล้วก็เดินทางเข้าเมืองการเวก พระโยคีมาช่วยสุดสาครไว้แล้วบอกให้เดินทางติดตามชีเปลือยไปเอาของคืน เมื่อได้ของคืนแล้วสุดสาครได้พบกับท้าวสุริโยทัยเจ้าเมืองการเวก ทรงรักสุดสาครมากตั้งให้เป็นโอรสโดยมีพระธิดาเสาวคนธ์เป็นเพื่อนเล่น
             ฝ่ายอุศเรน เมื่อกลับมาถึงลังกาก็จัดทัพเพื่อตีเมืองผลึกด้วยความแค้น โดยมีพระบิดาเป็นทัพหลวง ส่วนตนเองเป็นทัพหน้า การศึกครั้งนี้พระอภัยมณีได้นางวาลีเป็นกำลังสำคัญในการวางแผน กรุงผลึกจึงรบได้ชัยชนะ พระอภัยมณีจับอุศเรนได้ คิดจะปล่อยไป แต่นางวาลีเห็นว่าหากปล่อยไปภายหลังจะมารบอีก จึงใช้วาจายั่วจนอุศเรนกระอักเลือดอกแตกตาย ส่วนนางวาลีก็ถูกวิญญาณของอุศเรนสิงตายตามไป ส่วนเจ้าลังกาถูกธนูยิงหนีไปรวมไพร่พล เมื่อพระอภัยมณีส่งศพอุศเรนมาให้ ก็โศกเศร้าจนตายไปอีกคน ทหารจึงนำพระศพกลับไปลังกา ฝ่ายละเวงวัณฬาพระธิดาเจ้าเมืองลังกา เมื่อทำพิธีศพเสร็จก็ขึ้นครองเมือง มีสังฆราชเป็นที่ปรึกษา ช่วยกันวางแผนแก้แค้นเมืองผลึกโดยวาดรูปนางละเวงส่งไปให้เจ้าเมืองต่างๆ เพื่อขอให้มาช่วยรบ โดยมีนางละเวงเป็นรางวัลหากรบชนะ สังฆราชสอนวิธีทำเสน่ห์ยาแฝดให้นางละเวง และให้สร้างเมืองใหม่ใกล้ทะเล มีป้อมปราการมั่นคง ในบรรดาเจ้าเมืองที่มาอาสาช่วยนางละเวงรบ มีเจ้าละมานเจ้าเมืองทมิฬรวมอยู่ด้วย เจ้าละมานเห็นรูปนางละเวงก็หลงใหล จึงจัดทัพไปรบที่เมืองผลึก
              ฝ่ายพระอภัยมณีได้รู้กิตติศัพท์ของทัพเจ้าละมานว่ามีความเข้มแข็งกว่ามนุษย์ทั่วไปจึงใช้ปี่เป่าเป็นเพลงสะกดทัพเจ้าละมานให้หลับแล้วจับตัวขังกรงไว้ เจ้าละมานเมื่อแพ้ศึก ก็พร่ำเพ้อถึงแต่นางละเวง นำรูปขึ้นมากอดจูบ ผู้คนจึงนำรูปนางละเวงไปให้พระอภัยมณี เมื่อพระอภัยมณีเห็นก็หลงรัก พระอภัยมณีให้นำทหารทัพเจ้าละมานไปปล่อยเกาะเพื่อมิให้กลับมาทำสงครามได้อีก เจ้าละมานเสียใจมากที่พ่ายแพ้และเสียดายรูปนางละเวงจนตาย วิญญาณจึงเข้าสิงรูป ทำให้พระอภัยมณีหลงรูปนางละเวงจนเสียจริต สุวรรณมาลีพยายามทำลายรูป แต่รูปนั้นมีวิญญาณสิงอยู่ทำให้ทำลายรูปไม่ได้
            สุดสาครพักอยู่ที่เมืองการเวกเป็นเวลานานก็รู้สึกคิดถึงบิดาจึงทูลลาท้าวสุริโยทัยเจ้าเมืองการเวกออกตามหาพระอภัยมณี การเดินทางครั้งนี้มีเสาวคนธ์และหัสไชย ธิดาและโอรสของท้าวสุริโยทัยตามไปด้วย ระหว่างทางผ่านเกาะกาวิน ผีเสื้อยักษ์โฉบเสาวคนธ์และหัสไชยไป สุดสาครฆ่าผีเสื้อยักษ์ได้แก้วตาวิเศษสองดวง มอบให้น้องคนละดวงเพื่อป้องกันตัว จากนั้นเดินทางมาถึงเมืองผลึก เป็นเวลาเดียวกับที่พระอภัยมณีกำลังหลงรูปนางละเวง และมีทัพหลายทัพที่อาสานางละเวงมาตีเมืองผลึกล้อมเมืองอยู่ สุดสาครได้ช่วยสุวรรณมาลีรบ และได้พบศรีสุวรรณและสินสมุทรซึ่งเดินทางมาช่วยรบและได้แก้ไขพระอภัยมณีจนพ้นจากอาการคลุ้มคลั่งหลงรูปวาด จากนั้นทั้งหมดก็ได้ช่วยรบกับกองทัพอาสาของนางละเวงถึงเก้าทัพคือ ทัพวิลยา ชวา ฉวี ละเมด มลิกัน สำปันหนา กะวิน จีนตั๋ง และอังกุลา จนได้ชัยชนะ หลังเสร็จศึก สุดสาครทูลลาพระอภัยมณีกลับเมืองการเวก 
             ส่วนพระอภัยมณียกทัพไปตีเมืองลังกาเป็นการตอบแทน นางละเวงให้เจ้าเซ็นระด่ำและเจ้ามะหุดออกมารบ แต่ถูกทัพผลึกตีพ่ายไปสินสมุทรถูกปืนข้าศึกยิงตกน้ำ ครั้นน้ำขึ้นร่างกายถูกพัดไปเกยหาดเมื่อถูกแดดก็ฟื้น และลอบเข้าไปในเมืองใหม่ เห็นนางละเวงก็เข้าจับแต่จับไม่ได้ เพราะนางละเวงมีตราพระราหูคุ้มครอง นางละเวงหนีกลับเมืองและตั้งค่ายกลตามตำราที่พระสังฆราชสอนไว้ และทำรถกลมีรูปนางละเวงนั่ง ศรีสุวรรณและสินสมุทรออกรบติดค่ายกลของนางละเวง พระอภัยมณีเห็นเสียทีจึงเป่าปี่ห้ามทัพ ทหารในกองทัพทั้งสองฝ่ายได้ยินเสียงปี่ก็หลับหมด นางละเวงมีตราราหูคุ้มกันไว้จึงไม่หลับขี่ม้าออกรบกับพระอภัยมณี พระอภัยมณีเห็นนางละเวงก็เกิดความรักจึงเป่าปี่เกี้ยวนางละเวง นางละเวงได้ฟังเสียงปี่ก็หลงรักพระอภัยมณีแต่ก็หักใจควบม้าหนี ระหว่างทางได้ดินถนันที่เรียกว่า นมพระธรณี ซึ่งเป็นของวิเศษหากกินเข้าไปก็จะมีผิวพรรณผ่องใส และได้พบบาทหลวงปีโปแห่งบ้านสิกคารนำ นางละเวงขอยุพาผกาและสุลาลีวันซึ่งเป็นเด็กกำพร้าที่บาทหลวงปีโปเลี้ยงไว้ นำกลับไปเป็นลูกที่ลังกา และเมื่อเดินทางมาถึงป่ากาลวัน นางละเวงก็ได้อ้ายย่องตอดผีดิบมาเป็นทหารรับใช้ด้วย
            ส่วนพระอภัยมณีหลังจากนางละเวงหนีไปแล้วก็ยึดเมืองใหม่ของลังกาได้ จากนั้นยกทัพเข้าตีด่านดงตาล นายด่านเสียชีวิตรำภาสะหรีลูกสาวนายด่านหนีไปเฝ้านางละเวงที่ลังกา นางละเวงให้ยุภาผกาและสุลาลีวัน ยกทัพไปรักษาด่านเจ้าเขาประจัน ได้สู้รบกับเมืองผลึกอย่างเป็นสามารถแต่ไม่อาจเอาชนะได้ นางละเวงคิดจะหย่าศึก ปรึกษาสังฆราช สังฆราชออกอุบายให้นางละเวงลวงพระอภัยมณีให้เป่าปี่แล้วเผากองทัพเมืองผลึกเสีย แต่นางละเวงนั้นรักพระอภัยมณีจึงปรึกษายุภาผกา ยุภาผกาเปิดสารที่บาทหลวงปีโปให้ไว้ออกดู ก็รู้ว่าเป็นชะตากรรม นางละเวงจึงออกอุบายให้ยุภาผกายกทัพออกไปหาพระอภัยมณี ให้พระอภัยมณีเป่าปี่เพื่อสะกดทัพแล้วพาพระอภัยมณีไปหานางละเวง พระอภัยมณีจึงเป่าปี่ ทำให้ทัพทั้งหมดหลับไปแล้วพระองค์กับยุภาผกาขึ้นรถนางละเวงไปเมืองลังกา ส่วนนางรำภาสะหรีก็ตัดหัวทหารที่มีหน้าตาคล้ายพระอภัยมณีส่งไปให้สังฆราช สังฆราชคิดว่าพระอภัยมณีตายก็เก็บศพไว้ แล้วส่งสารไปยังศรีสุวรรณว่าจับพระอภัยมณีได้แล้ว ให้เมืองผลึกเลิกทัพกลับไปแล้วจะปล่อยพระอภัยมณี
        ส่วนศรีสุวรรณเมื่อตื่นขึ้นมาไม่เห็นพี่ ก็ให้คนไปสืบและลอบเข้าไปนำศีรษะที่สังฆราชเก็บไว้ออกมาได้ คิดว่าเป็นพระอภัยมณีก็เสียใจ พอดีกับที่ทูตนำหนังสือจากสังฆราชมาให้ จึงจับทูตขังไว้แล้วให้สินสมุทรปลอมตัวเป็นทูตเข้าด่าน สินสมุทรจุดไฟเผาด่านและเปิดประตูรับกองทัพเมืองผลึก กองทัพลังกาแตกพ่าย สังฆราชหนีไป ศรีสุวรรณค้นหาศพที่สังฆราชเก็บไว้จนพบ ก็รู้ว่าไม่ใช่พระอภัยมณี จึงยกทัพล้อมลังกาไว้ นางละเวงต้องการให้เลิกศึกจึงให้พระอภัยมณี ส่งสารไปถึงศรีสุวรรณว่าจะอยู่ลังกา ขอให้ศรีสุวรรณนำทัพกลับเมืองผลึกไป ศรีสุวรรณกับสินสมุทรจึงออกอุบายว่าพ่อแม่ส่งสารมาถึงและขอเฝ้าพระอภัยมณี ต่อมาศรีสุวรรณและสินสมุทรได้เข้าเฝ้าพระอภัยมณีที่ลังกานางละเวงเห็นว่าทั้งสองเป็นผู้นำทัพ หากได้ตัวไว้ศึกก็จะสงบ จึงให้รำภาสะหรีและยุภาผกาทำเสน่ห์ไว้ไม่ให้กลับออกไปพราหมณ์ทั้งสามไม่เห็นศรีสุวรรณและสินสมุทรออกมาจึงส่งสารไปถึงนางสุวรรณมาลีให้ส่งคนมาช่วยนางสุวรรณมาลีส่งสารไปถึงนางเกษราและสุดสาครแล้วนางก็พาลูกเดินทางไปลังกาสุดสาครเมื่อได้รับสารก็รีบยกทัพไปช่วยพร้อมกับหัสไชย สุวรรณมาลีส่งสารไปถึงพระอภัยมณี นางละเวง ศรีสุวรรณ และสินสมุทร ฝ่ายนางละเวงได้รับสารก็มีสารโต้ตอบกลับมา สุวรรณมาลีได้รับสารตอบก็แค้นใจจะยกทัพเข้าลังกา แต่สุดสาครห้ามไว้และอาสาเข้าไปแก้เสน่ห์ในวัง แต่กลับถูกเสน่ห์ของนางสุลาลีวันเข้าอีกคน สุวรรณมาลีจึงส่งสารไปเมืองการเวกและเมืองรมจักร ท้าวทศวงศ์แห่งเมืองรมจักรยกทัพมากับนางอรุณรัศมี ส่วนท้าวสุริโยทัยเจ้าเมืองการเวกยกทัพมาพร้อมกับเสาวคนธ์และพราหมณ์ทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ์ พราหมณ์ทิศาปาโมกข์ให้หัสไชยนำธงยันต์ไปแก้เสน่ห์ พาสินสมุทร และสุดสาครออกมาได้ แต่ยุภาผกาและสุลาลีวันให้สังฆราชช่วยแก้ให้และให้ย่องตอดสะกดทัพลักพาสินสมุทร และสุดสาครกลับไป แล้วเขียนสารปลอมของสุดสาครตัดรักนางเสาวคนธ์ ทำให้นางเสาวคนธ์โกรธมากปลอมตัวเป็นชาวสิงหลไปหน้าป้อม ยิงแก้มสุลาลีวันด้วยธนู นางละเวงเห็นสุลาลีวันบาดเจ็บก็โกรธมากสั่งยกทัพออกตีค่ายนางสุวรรณมาลีกลางดึก ทัพเมืองการเวกเข้าช่วยสุวรรณมาลี ตีทัพเมืองลังกาแตกพ่าย พระอภัยมณีเป่าปี่เรียกนางละเวงแล้วคบคิดกับนางละเวงตีทัพเมืองผลึก โดยจะเป่าปี่ให้ทัพเมืองผลึกหลับแล้วเผา แต่เมื่อทัพลังกายกออกมา ทิศาปาโมกข์ให้ทหารเอาขี้ผึ้งอุดหู แล้วทำพิธีอันเชิญโยคีจากเกาะแก้วพิสดารมาช่วย และในขณะที่ทหารทั้งสองฝ่ายกำลังรบกันอย่างเอาเป็นเอาตายนั้น พระโยคีก็มาเทศนาให้สงบศึก ทุกฝ่ายสำนึกในความผิดของตน และให้สัตย์ว่าจะรักกัน นางละเวงพาทุกคนไปเที่ยวชมเขาโคตรเพชร นางเสาวคนธ์ขอโคตรเพชรจากนางละเวง นางละเวงก็ประทานให้ ขณะที่กำลังขุดโคตรเพชร แผ่นดินเมืองลังกาก็ไหวเพราะโคตรเพชรเป็นของดีประจำเมือง เมื่อเสร็จศึกพระอภัยมณีกลับเมืองผลึก แล้วอภิเษกสินสมุทรกับอรุณรัศมี แต่อรุณรัศมีได้ให้สัตย์ด้วยความโกรธสินสมุทรไว้ว่าจะไม่แต่งงาน นางจึงไม่ยอมเข้าหอ ทำให้สินสมุทรป่วยเป็นไข้ใจ ท้าวทศวงศ์จึงให้อรุณรัศมีไปพยาบาล ส่วนเสาวคนธ์เมื่อรู้ว่าจะต้องอภิเษกกับสุดสาครก็ปลอมตัวเป็นฤาษีชื่อพระอัคนี หนีไปจนถึงเมืองวาหุโลม ได้ต่อสู้กับเจ้าเมืองและตีเมืองได้ สุดสาครติดตามเสาวคนธ์ไปถึงเมืองวาหุโลม และได้นางเสาวคนธ์เป็นชายา ที่เมืองลังกา
            เมื่อพระอภัยมณีเสด็จกลับไปแล้ว นางละเวงมีโอรสชื่อมังคลา รำภาสะหรีมีโอรสชื่อวลายุดา ยุภาผกามีโอรสชื่อว่าวายุพัฒน์ และสุลาลีวันมีโอรสชื่อว่าหัสกัน นางละเวงมอบให้มังคลาครองเมือง สังฆราชยุให้มังคลาไปชิงโคตรเพชรคืนจากนางเสาวคนธ์ มังคลาจึงให้หัสกันและวายุพัฒน์ยกทัพไปตีเมืองการเวก และได้ชิงโคตรเพชรคืนไปลังกา ท้าวสุริโยทัยจึงส่งสารไปแจ้งข่าวที่เมือง ผลึกขณะนั้นพระอภัยมณีไปงานศพท้าวสุทัศน์ที่เมืองรัตนา หัสไชยซึ่งพักอยู่ที่เมืองผลึกจึงรีบกลับเมืองการเวก สุวรรณมาลีส่งสารไปถึงไปถึงนางละเวง แต่สารถูกมังคลาชิงไป มังคลาให้วายุพัฒน์และหัสกันยกทัพไปตีเมืองผลึก ทัพลังกายกมาตีเมืองผลึกและจับสุวรรณมาลี สร้อยสุวรรณ และจันทร์สุดา ไปกักขังไว้ที่ด่านดงตาล จากนั้นมังคลาให้วลายุดายกทัพไปตีเมืองรมจักร พระกฤษณาโอรสของศรีสุวรรณกับนางศรีสุดา ยุขันธ์บุตรพราหมณ์สานน มะหุดบุตรพราหมณ์วิเชียรและมังกรบุตร
             พราหมณ์โมรา ยกทัพต่อสู้แต่วลายุดาก็สามารถหลบหนี นำท้าวทศวงศ์และมเหสีไปขังไว้ที่ด่านดงตาลได้ สุดสาครและเสาวคนธ์ทราบข่าวลังกายกทัพมาเผาเมืองการเวก จึงยกทัพไปเมืองลังกา เช่นเดียวกับหัสไชยที่ทราบว่าสุวรรณมาลีและสร้อยสุวรรณ จันทร์สุดาถูกจับก็ยกทัพไปลังกา รบกับวายุพัฒน์และหัสกันตั้งแต่เช้าจนค่ำไม่มีใครแพ้ชนะ ทัพลังกาจึงกลับเข้าเมืองพอตกดึกหัสไชยยกพลมาตีทัพลังกาขณะกำลังหลับ รบกันถึงรุ่งเช้าพอดีสุดสาครยกทัพมาถึงจึงช่วยหัสไชยรบมังคลารบแพ้หนีไปอยู่ที่ด่านเขาเจ้าประจัน นางละเวงเมื่อทราบข่าวศึกก็โกรธลูกมาก จึงรีบออกไปช่วยสุวรรณมาลี สร้อยสุวรรณ จันทร์สุดา ท้าวทศวงศ์ และมเหสี ที่ถูกขังอยู่ แล้วเชิญไปอยู่ที่ลังกา
           พระอภัยมณีและศรีสุวรรณเมื่อเสร็จงานศพท้าวสุทัศน์ทราบข่าวการศึกจึงยกทัพไปเมืองลังกาและส่งสารขอให้มังคลายอมแพ้แต่โดยดี แต่มังคลาไม่ยอมจึงรบกัน สังฆราชเห็นว่ามังคลาคงจะแพ้ศึก จึงเผาเมืองลังกา แล้วออกไปพบมังคลา จากนั้นจึงวางกลหุ่นพระอภัยมณี ศรีสุวรรณ สินสมุทร สุดสาคร และเสาวคนธ์ ผูกติดไม้กางเขนเพื่อห้ามทัพนางละเวง นางละเวงจึงถอยทัพกลับ ต่อมาวางกลหุ่นสุวรรณมาลี สร้อยสุวรรณ จันทร์สุดา และหัสไชย เพื่อห้ามทัพพระอภัยมณี พระอภัยมณีจึงเป่าปี่เพื่อจับมังคลาและพรรคพวกมังคลามีตราราหูจึงหนีไปสังฆราช ส่วนวลายุดา วายุพัฒน์ และหัสกันถูกจับ แต่ภายหลังพระอาจารย์ของแต่ละคนช่วยให้หลบหนีไปได้ พระอภัยมณีเข้าเมืองลังกา อภิเษกสุดสาครกับนางเสาวคนธ์และหัสไชยกับสร้อยสุวรรณ จันทร์สุดา
          หลังงานอภิเษกศรีสุวรรณพาท้าวทศวงศ์กลับเมืองรมจักร หัสไชยพาสร้อยสุวรรณ จันทร์สุดากลับเมืองการเวก สินสมุทรได้ครองเมืองผลึก สุดสาครได้ครองเมืองลังกา ส่วนพระอภัยมณีน้อยใจสุวรรณมาลีและนางละเวงจึงตัดกิเลสทางโลก ออกบวชเป็นฤาษี โดยมีนางสุวรรณมาลีและนางละเวงร่วมบวชเป็นชีรับใช้พระอภัยมณีอยู่ที่เขาสิงคุตร