วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2557

ตอนที่ ๒๐ สินสมุทรบกับอุศเรน

ตอนที่ ๒๐ สินสมุทรบกับอุศเรน


         พระอภัยมณีกับศรีสุวรรณ เห็นกำปั่นโอบอ้อมเข้าล้อมหลังทั้งซ้ายขวาเป็นจำนวนมาก จึงตรัสสั่งสินสมุทให้คิดอ่าน การสงครามเอาเอง และให้ปรึกษากับผู้ที่เคยศึก แล้วบอกว่าให้ไว้ชีวิตลูกเจ้าลังกา อย่าฆ่าให้ตาย แล้วหารือกับอังกุหร่า ว่าจะคิดอ่านการรบทำนองไร
อังกุหร่าว่าเรือเรากว้างขวาง                               รบให้ห่างอย่าให้ถึงจึงจะได้
ฉวยรบรับสัประยุทธ์มันจุดไฟ              จะแก้ไขขัดสนจนปัญญา
ขอพระองค์จงออกรับเป็นทัพหลวง                     ข้าทั้งปวงจะได้รับทัพซ้ายขวา
ข้างหลังไว้ให้ทหารพระเจ้าอา              รายรักษาแซงกันให้ทันการ
ฯลฯ
แต่คนน้อยคอยรบประจบรับ                               แทรกสลับเปลี่ยนซ้ายย้ายไปขวา
ใส่ธงเทียวเขียวแดงดาษดา                  เป็นเรือห้าร้อยถ้วนกระบวนรบ
ฯลฯ
ปืนจังกาหน้าท้ายทั้งรายข้าง                               เกณฑ์ลูกจ้างจีนไทยพวกไหหลำ
ให้ทำค่ายรายตั้งล้วนถังน้ำ                  ตลอดลำสำหรับไว้ดับเพลิง
แล้วรีบร้อนถอนสมอกำปั่นใหญ่         แต่พอให้เคลื่อนคล้อยออกลอบเหลิง
ทหารโห่โกลาดูร่าเริง            ล้วนรู้เชิงชิงชัยทั้งไพร่นาย ฯ
           
สินสมุทมาหาแม่เลี้ยงแล้วเล่าความทั้งหมดให้ฟัง นางสุวรรณมาลีได้ฟังแล้วก็ให้แค้นพระอภัย แล้วบอกว่าแม้นตนเป็นหญิง แต่ก็รู้กลศึกจะไปช่วยลูกออกรบ สินสมุทได้ฟังก็ดีใจ แล้วนางก็แต่งตัวเป็นชาย



แล้วโฉมยงทรงเครื่องพิชัยยุทธ์            อย่างบุรุษรัดกระสันให้ถันหาย
 ใส่เสื้อกลีบจีบเอวสำอางกาย             สังวาลสายสร้อยสลับประดับเพชร
                   คาดเข็มขัดรัดแน่นเหน็บกระบี่             โกร่งมณีเนาวรัตน์ดูตรัสเตร็จ
เสียบพระแสงกริชสันกัลเม็ด                                ใส่เกราะเพชรโพกผ้าเหมือนมลายู
พระลูกน้อยพลอยชมสมทหาร            แล้วว่านานไปพระแม่จะเกลียดหมู
นางสั่งลูกว่าอย่าให้ผู้ใดรู้                     ถึงแลดูก็จะแปลกกว่าแขกจริง
ฯลฯ
กระบวนตั้งดังพระยาเหราแดง            จะวัดแว้งไพรีไม่หนีกัน
แล้วแลดูโยธาลงกาตั้ง          เป็นกำลังนาคราชจะผาดผัน
มีหัวหางวางเขี้ยวดูเกี่ยวกัน                 คอยรัดพันไพรินดังจินดา
ด้วยโฉมตรูรู้พิชัยสงครามครบ             กระบวนรบเห็นจะแพ้โอรสา
ด้วยนาคีมีแต่กายฝ่ายเหรา                 มีบาทาราวีคงมีชัย
ฯลฯ
นางเมินเมียงเคียงกระซิบพระโอรส                    เห็นเมฆตกลมตั้งกำบังบน
ยกออกรับทัพลังกาอย่าให้ชิด             ฉวยเพลิงติดลมพัดจะขัดสน
ให้รบสู้ดูกำลังลำพังตน                        ต่ออับจนเจ้าจงโจมออกโรมรัน
ฯลฯ
สินสมุทผุดลุกขึ้นไล่จับ                         ทหารรับป้องกันพันผุยผง
แผลงศักดากล้าหาญชาญณรงค์        รวบได้องค์ลูกท้าวเจ้าลังกา
ฯลฯ
 อุศเรนเผ่นโผนโจนจะม้วย                   ทหารฉวยฉุดกายทั้งซ้ายขวา
ถึงเรือใหญ่ให้พยุงจูงขึ้นมา                   ตรงไปหาชนนีด้วยด้วยดีใจ
ค่อย ๆ ว่าฆ่าเสียเถิดหรือคะ                                นางว่าพระบิดาจะว่าได้
แล้วโฉมยงสงสารรำคาญใจ                                จะดูไม่เต็มเนตรเวทนา ฯ
ฝ่ายพระอภัยมณีกับศรีสุวรรณ           วิ่งมาทันขอโทษโอรสา
เข้าสวมสอดกอดลูกเจ้าลังกา             ชลนาไหลหลั่งลงพรั่งพราย
แล้วแก้มัดตรัสเรียกขึ้นร่วมอาสน์                        พจนาถมิให้ช้ำระส่ำระสาย
ฯลฯ
เราขอไว้ไม่เอาทั้งข้าวของ                    คืนสนองคุณให้ท่านไปหมด
แล้วเหลียวหลังมาอ้อนวอนโอรส                        ขอแทนทดคุณท่านโดยสารมา ฯ
สินสมุทนบนอบตอบสนอง                  ลูกจำต้องตีทัพรับอาสา
ซึ่งชิงชัยได้ชนะพระเจ้าอา                    พระมารดาดอกสันทัดท่านจัดการ
แล้วให้ยิงปืนใหญ่ออกไปช่วย                              จึงได้ด้วยพระปัญญาปรีชาหาญ
แล้วหันหน้ามาประณตบทมาลย์                         ยกให้ท่านเถิดนะพระมารดา ฯ

            อุศเรนกลับไปกองทัพแล้ว พบว่ากำปั่นหกร้อยเสียหายย่อยยับไปเกือบกึ่ง ก็ให้โกรธแค้นยิ่งนัก จึงคิดเตรียมการรบต่อไป
            ฝ่ายพระอภัยได้เห็นหน้านางสุวรรณมาลี แล้วก็ให้คิดถึงนาง คิดจะพานางไปเมืองรัตนา เพื่อที่จะได้เสกเป็นอัครชายา แล้วก็ชื่นชมสินสมุทที่แกล้วกล้าในการรบจนมีชัย และได้พระเจ้าอามาพบแล้วก็จะพาไปเมืองของย่าปู่ สินสมุทจึงทูลถามว่า จะพาตนไปไหน ถ้าสงสารมารดาที่กล่าวไว้ว่า ถ้าไม่พบพระบิดาก็จะพาตนไปเมืองผลึก ด้วยคิดถึงพระแม่และวงศา แล้วจะมอบขอบขัณฑสีมาให้ตนขึ้นครองเมือง เมื่อพระบิดาว่าจะไปกรุงรัตนาก่อน ตนก็จะอ้อนวอนพระมารดา ไปเมืองของย่าปู่ก่อน เมื่อเห็นว่าอยู่ดีแล้ว ตนก็จะลามากับนาง
            สินสมุทลาสองกษัตริย์มาหานางสุวรรณมาลี แล้วเล่าความที่พระบิดาต้องการ นางจึงบอกว่า ชาวลังกาที่ถอยไปนั้น จะกลับมารบพุ่งกับกรุงไกรด้วยความโกรธ สงสารพระมารดาจะเดือดร้อนใจ ด้วยไม่มีญาติ ถ้าสินสมุทักตนก็ขอให้ยกทัพไปดับร้อนที่เมืองผลึก แล้วขึ้นครองเมืองเสร็จแล้ว จึงให้สินสมุทพาพระบิดาไปเมืองของพระบิดา
            สินสมุทได้ฟังก็เห็นด้วยกับพระมารดา แล้วเอาความมาทูลพระอภัย พระอภัยจำต้องผ่อนตาม แล้วให้สินสมุทไปบอกนางว่า ตนกับอาจะไปเมืองผลึกด้วย เพื่อช่วยงานศึกที่จะมีมาจากเจ้าลังกา







ก่อนหน้านี้                                                                   กลับหน้าหลั                                                                              ถัดไป





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น