วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2557

ตอนที่ ๕ ศรีสุวรรณเกี้ยวนางเกษรา

ตอนที่ ๕ ศรีสุวรรณเกี้ยวนางเกษรา


ฝ่ายพระบุตรีเมื่อกลับมาถึงวังก็เฝ้าแต่ถวิลหาเจ้าพราหมณ์น้อย สี่พี่เลี้ยงรู้ความก็ปรึกษาหารือกัน แล้วก็พากันขับกล่อมพระบุตรีให้บรรทมด้วยข้อความอันเกี่ยวเนื่องด้วยเจ้าพราหมณ์น้อย พระธิดาได้ฟังขับก็จับจิตแล้วจึงแสร้งต่อว่าสี่พี่เลี้ยงที่ชักนำให้เกิดเหตุการณ์ที่ผ่านมา
                ฝ่ายศรีสุวรรณก็พร่ำเพ้อถึงนางแก้วเกษราอยู่ตลอดราตรี จนสามพราหมณ์มาณพต้องเตือนว่า

พี่บอกแล้วไม่เชื่อนั้นเหลือใจ                                                หนักอะไรจะเหมือนรักหนักอุรา
หลงอะไรจะเหมือนหลงทรงมนุษย์           ที่โศกสุดเศร้าแสนเสน่หา
จนลืมตัวมัวหมองเพราะต้องตา                                   ต้องตรึกตราตรอมจิตเพราะปิดความ
บุราณว่าถ้าเหลือกำลังลาก                                                    ให้ออกปากบอกแขกช่วยแบกหาม
แม้นพ่อบอกออกบ้างไม่พรางความ             จะเป็นล่ามแก้ไขให้ได้การ ฯ

วันรุ่งขึ้น ศรีสุวรรณก็ชวนสามพราหมณ์มาณพไปที่สวนขวัญ คอยพบสี่พี่เลี้ยงเพื่อปรึกษาหารือกัน พี่เลี้ยงเล่าให้ฟังว่าพระธิดาถามถึงความเป็นมาของพราหมณ์น้อย ก็ได้รับคำตอบว่า
  ศรีสุวรรณชั้นเชิงฉลาดแหลม                        ทำยิ้มแย้มเยื้อนว่าอย่าสงสัย
ฉันพี่น้องท้องเดียวมาเที่ยวไกล           อันห่วงใยไม่มีทั้งสี่คน
หมายพระนุชบุตรีเป็นที่พึ่ง                       คิดรำพึงสารพัดจะขัดสน
เสด็จมาเที่ยวเล่นเห็นชอบกล              นฤมลมองหาสุมาลี
ฯลฯ
พระว่าพลางทางตัดใบตองอ่อน                          มาเขียนกลอนกล่าวประโลมนางโฉมฉาย
จบลงเอยอ่านต้นไปจนปลาย                    ไม่คลาดคลายถูกถ้วนแล้วม้วนตอง
เอาโศกแซมแกมรักสลักหนาม                        เหมือนบอกความรักนางว่าหมางหมอง
ฯลฯ
แล้วถอดธำมรงค์ครุฑบุษรา                ฝากถวายพระธิดาวิลาวัณย์ ฯ

 แล้วสี่พี่เลี้ยงก็นำของฝากของศรีสุวรรณไปให้พระธิดาพร้อมกับให้ความเห็นว่า พราหมณ์น้อยผู้นี้น่าจะมิใช่ชาติ
พราหมณ์เทศข้างเพศไสย                    ชะรอยจะเป็นหน่อกษัตริย์มาแต่แดนไกล
  ค นางโฉมยงทรงหยิบใบตองอ่อน     เห็นโศกซ้อนแซมรักสลักหนาม
ก็แจ้งจิตปริศนาปัญญาพราหมณ์              แกล้งนิ่งความคลี่สารออกอ่านพลัน
ในสารศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์       บุรีรัตนามหาสวรรค์
สวาทหวังพระธิดาวิลาวัณย์                                สู้เดินดั้นดงแดนแสนกันดาร
พยายามข้ามมหามหรรณพ                 หวังประสบวรนุชสุดสงสาร
ฯลฯ
จึงแต่งสารเสี่ยงทายถวายแหวน           ใบตองแทนแผ่นทองพระน้องเอ๋ย
ถ้าแม้นมาตรชาติก่อนเป็นคู่เคย          ขอให้เผยพจนารถประภาษมา
ฯลฯ

 พระธิดาทราบความแล้ว แสร้งทำเฉไฉว่าพราหมณ์น้องต้องการบอกว่ารักพี่เลี้ยง แล้วก็ขอซื้อแหวนที่ศรีสุวรรณให้มา จากพี่เลี้ยง พร้อมกับบอกว่าจะตอบเพลงยาวที่ส่งมาให้สาสมกับที่จ้วงจาบ นางสี่พี่เลี้ยงจึงบอกว่า แหวนวงนั้นขอถวายให้แต่ขอแลกเปลี่ยนภูษาศรี ที่ทรงไปอุทยานเมื่อวานนี้ พระธิดาแกล้งทำไขสือว่าจะให้ แต่ห้ามเอาไปให้ใคร แล้ว

พระธิดาก็ทรงกลอนอักษรสนอง
ครั้นค่ำลงทรงกลอนอักษรสนอง         เขียนจำลองลงแผ่นกระดาษหนัง
ให้หักใบเต่าร้างที่กลางวัน        มาห่อทั้งดอกรักอักขรา ฯ
วันรุ่งขึ้นสี่พี่เลี้ยงก็ออกไปพบพราหมณ์มาณพทั้งสามและศรีสุวรรณ ที่สวนขวัญแจ้งเหตุการณ์ที่ผ่านมา แล้วมอบของที่พระธิดาฝากมาให้ แล้วลากลับไป ศรีสุวรรณนำกลอนอักษรสารของพระธิดามาอ่านให้สามพราหมณ์ฟัง
 ศุภสารฉานสนองใบตองอ่อน             ซึ่งวิงวอนว่าไม่ขาดสวาทหวัง
ก็ขอบใจไมตรีดีกว่าชัง                        ไม่ปิดบังบอกวงศ์พงศ์ประยูร
อันบุรีรัตนามหาสวรรค์              สารพันโภคัยทั้งไอศูรย์
ฯลฯ
ซึ่งเสี่ยงทายหมายมาดสวาทมา          มิเมตตาชีวันจะบรรลัย
ทั้งรำพันสรรเสริญเห็นเกินนัก                  ถึงจะรักก็ไม่รักจนตักษัย
ที่ข้อนั้นครั้นละเชื่อก็เหลือใจ                                  เขาว่าไว้หวานนักก็มักรา
ถ้ารักนักมักหน่ายคล้ายอิเหนา                ต้องจากเยาวยุพินจินตรา
แม้นพระองค์ทรงเดชเจตนา                               จงตรึกตราตรองความตามบุราณ
เสด็จกลับกรุงไกรไอศวรรย์                       จึงจัดสรรทูตถือหนังสือสาร
มาทูลองค์ทรงศักดิ์จักรพาล                        โปรดประทานก็จะได้ดังใจจง
ฯลฯ
            ฝ่ายศรีสุดาพี่เลี้ยงคนหนึ่ง เคืองแค้นพี่เลี้ยงอีกสามคนซึ่งเป็นที่หมายปองของสามพราหมณ์มาณพ จึงไปฟ้องพระธิดาแล้วกล่าวหาสามพี่เลี้ยง ทั้งสองฝ่ายจึงโต้เถียงกัน พระธิดาต้องออกปากห้าม
เจ้าพราหมณ์น้อยอ่อนห้ามหรือพราหมณ์ใหญ่ เข้าเคียงไหล่โลมนางอยู่กลางสวน
ทำเกลียวกลมสมยอมซ้อมสำนวน           มาก่อกวนเกาแก้ที่แผลคัน
ฯลฯ
  ค พระบุตรีกริ้วกราดตวาดว่า            นี่ใครมาหาให้พี่ตีหมากผัว
เฝ้าหวงหึงอึงไปช่างไม่กลัว       ไม่มีชั่วตัวดีทั้งสี่คน
อย่าทะเลาะกันที่นี่ให้มีฉาว                           ไปว่ากล่าวถากถางกันกลางถนน

เหมือนไก่เห็นตีนงูเขารู้กล                                  มาพลอยบ่นปนแปดข้าน่ารำคาญ ฯ






ก่อนหน้า                             กลับหน้าหลัก                             ถัดไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น