ตอนที่ ๕ ศรีสุวรรณเกี้ยวนางเกษรา
ฝ่ายพระบุตรีเมื่อกลับมาถึงวังก็เฝ้าแต่ถวิลหาเจ้าพราหมณ์น้อย
สี่พี่เลี้ยงรู้ความก็ปรึกษาหารือกัน แล้วก็พากันขับกล่อมพระบุตรีให้บรรทมด้วยข้อความอันเกี่ยวเนื่องด้วยเจ้าพราหมณ์น้อย
พระธิดาได้ฟังขับก็จับจิตแล้วจึงแสร้งต่อว่าสี่พี่เลี้ยงที่ชักนำให้เกิดเหตุการณ์ที่ผ่านมา
ฝ่ายศรีสุวรรณก็พร่ำเพ้อถึงนางแก้วเกษราอยู่ตลอดราตรี
จนสามพราหมณ์มาณพต้องเตือนว่า
พี่บอกแล้วไม่เชื่อนั้นเหลือใจ หนักอะไรจะเหมือนรักหนักอุรา
หลงอะไรจะเหมือนหลงทรงมนุษย์
ที่โศกสุดเศร้าแสนเสน่หา
จนลืมตัวมัวหมองเพราะต้องตา ต้องตรึกตราตรอมจิตเพราะปิดความ
บุราณว่าถ้าเหลือกำลังลาก ให้ออกปากบอกแขกช่วยแบกหาม
แม้นพ่อบอกออกบ้างไม่พรางความ
จะเป็นล่ามแก้ไขให้ได้การ ฯ
วันรุ่งขึ้น
ศรีสุวรรณก็ชวนสามพราหมณ์มาณพไปที่สวนขวัญ คอยพบสี่พี่เลี้ยงเพื่อปรึกษาหารือกัน
พี่เลี้ยงเล่าให้ฟังว่าพระธิดาถามถึงความเป็นมาของพราหมณ์น้อย ก็ได้รับคำตอบว่า
ศรีสุวรรณชั้นเชิงฉลาดแหลม ทำยิ้มแย้มเยื้อนว่าอย่าสงสัย
ฉันพี่น้องท้องเดียวมาเที่ยวไกล อันห่วงใยไม่มีทั้งสี่คน
หมายพระนุชบุตรีเป็นที่พึ่ง คิดรำพึงสารพัดจะขัดสน
เสด็จมาเที่ยวเล่นเห็นชอบกล นฤมลมองหาสุมาลี
ฯลฯ
พระว่าพลางทางตัดใบตองอ่อน มาเขียนกลอนกล่าวประโลมนางโฉมฉาย
จบลงเอยอ่านต้นไปจนปลาย ไม่คลาดคลายถูกถ้วนแล้วม้วนตอง
เอาโศกแซมแกมรักสลักหนาม เหมือนบอกความรักนางว่าหมางหมอง
ฯลฯ
แล้วถอดธำมรงค์ครุฑบุษรา ฝากถวายพระธิดาวิลาวัณย์
ฯ
แล้วสี่พี่เลี้ยงก็นำของฝากของศรีสุวรรณไปให้พระธิดาพร้อมกับให้ความเห็นว่า
พราหมณ์น้อยผู้นี้น่าจะมิใช่ชาติ
พราหมณ์เทศข้างเพศไสย ชะรอยจะเป็นหน่อกษัตริย์มาแต่แดนไกล
ค
นางโฉมยงทรงหยิบใบตองอ่อน เห็นโศกซ้อนแซมรักสลักหนาม
ก็แจ้งจิตปริศนาปัญญาพราหมณ์
แกล้งนิ่งความคลี่สารออกอ่านพลัน
ในสารศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ บุรีรัตนามหาสวรรค์
สวาทหวังพระธิดาวิลาวัณย์ สู้เดินดั้นดงแดนแสนกันดาร
พยายามข้ามมหามหรรณพ หวังประสบวรนุชสุดสงสาร
ฯลฯ
จึงแต่งสารเสี่ยงทายถวายแหวน
ใบตองแทนแผ่นทองพระน้องเอ๋ย
ถ้าแม้นมาตรชาติก่อนเป็นคู่เคย ขอให้เผยพจนารถประภาษมา
ฯลฯ
พระธิดาทราบความแล้ว
แสร้งทำเฉไฉว่าพราหมณ์น้องต้องการบอกว่ารักพี่เลี้ยง
แล้วก็ขอซื้อแหวนที่ศรีสุวรรณให้มา จากพี่เลี้ยง
พร้อมกับบอกว่าจะตอบเพลงยาวที่ส่งมาให้สาสมกับที่จ้วงจาบ นางสี่พี่เลี้ยงจึงบอกว่า
แหวนวงนั้นขอถวายให้แต่ขอแลกเปลี่ยนภูษาศรี ที่ทรงไปอุทยานเมื่อวานนี้
พระธิดาแกล้งทำไขสือว่าจะให้ แต่ห้ามเอาไปให้ใคร แล้ว
พระธิดาก็ทรงกลอนอักษรสนอง
ครั้นค่ำลงทรงกลอนอักษรสนอง เขียนจำลองลงแผ่นกระดาษหนัง
ให้หักใบเต่าร้างที่กลางวัน มาห่อทั้งดอกรักอักขรา
ฯ
วันรุ่งขึ้นสี่พี่เลี้ยงก็ออกไปพบพราหมณ์มาณพทั้งสามและศรีสุวรรณ
ที่สวนขวัญแจ้งเหตุการณ์ที่ผ่านมา แล้วมอบของที่พระธิดาฝากมาให้ แล้วลากลับไป
ศรีสุวรรณนำกลอนอักษรสารของพระธิดามาอ่านให้สามพราหมณ์ฟัง
ศุภสารฉานสนองใบตองอ่อน ซึ่งวิงวอนว่าไม่ขาดสวาทหวัง
ก็ขอบใจไมตรีดีกว่าชัง ไม่ปิดบังบอกวงศ์พงศ์ประยูร
อันบุรีรัตนามหาสวรรค์ สารพันโภคัยทั้งไอศูรย์
ฯลฯ
ซึ่งเสี่ยงทายหมายมาดสวาทมา มิเมตตาชีวันจะบรรลัย
ทั้งรำพันสรรเสริญเห็นเกินนัก
ถึงจะรักก็ไม่รักจนตักษัย
ที่ข้อนั้นครั้นละเชื่อก็เหลือใจ เขาว่าไว้หวานนักก็มักรา
ถ้ารักนักมักหน่ายคล้ายอิเหนา
ต้องจากเยาวยุพินจินตรา
แม้นพระองค์ทรงเดชเจตนา จงตรึกตราตรองความตามบุราณ
เสด็จกลับกรุงไกรไอศวรรย์ จึงจัดสรรทูตถือหนังสือสาร
มาทูลองค์ทรงศักดิ์จักรพาล โปรดประทานก็จะได้ดังใจจง
ฯลฯ
ฝ่ายศรีสุดาพี่เลี้ยงคนหนึ่ง
เคืองแค้นพี่เลี้ยงอีกสามคนซึ่งเป็นที่หมายปองของสามพราหมณ์มาณพ
จึงไปฟ้องพระธิดาแล้วกล่าวหาสามพี่เลี้ยง ทั้งสองฝ่ายจึงโต้เถียงกัน
พระธิดาต้องออกปากห้าม
เจ้าพราหมณ์น้อยอ่อนห้ามหรือพราหมณ์ใหญ่ เข้าเคียงไหล่โลมนางอยู่กลางสวน
ทำเกลียวกลมสมยอมซ้อมสำนวน
มาก่อกวนเกาแก้ที่แผลคัน
ฯลฯ
ค
พระบุตรีกริ้วกราดตวาดว่า นี่ใครมาหาให้พี่ตีหมากผัว
เฝ้าหวงหึงอึงไปช่างไม่กลัว ไม่มีชั่วตัวดีทั้งสี่คน
อย่าทะเลาะกันที่นี่ให้มีฉาว ไปว่ากล่าวถากถางกันกลางถนน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น