ตอนที่ ๑๑ นางสุวรรณมาลีไปเที่ยวทะเล
จะกล่าวเรื่องเมืองผลึกราชฐาน ป้อมปราการเชิงเทินล้วนเนินผา
ซุ้มทวารบานบังใบเสมา ล้วนศิลาเลื่อมลายดูพรายพราว
มีปราสาทสูงเยี่ยมขึ้นเทียมเมฆ อดิเรกรุ้งฟ้าเวหาหาว
นภศูลแสงแก้วดูแวววาว ดังดวงดาวเด่นกระจ่างอยู่กลางวัน
พระโรงธารชานพักตำหนักแก้ว แต่ล้วนแล้วด้วยมุกดาฝาผนัง
ทั้งเสื้อผ้าเงินทองสิบสองคลัง ก็มั่งคั่งยิ่งกว่าทุกธานี
อันไพร่ฟ้าประชาชนออกล้นหลาม นิคมคามประเทศล้วนเศรษฐี
ทั้งโหราพฤฒามาตย์ราชกวี ชาวบุรีเริงรื่นทุกคืนวัน
พระนามท้าวเจ้าบุรินทร์สิลราช พระนางนาฎนามมิ่งมณฑาสวรรค์
มีบุตรีศรีนลาฎดังดวงจันทร์ ชื่อสุวรรณมาลีนีรมล
เจ้าลังกามาขอให้โอรส ได้กำหนดนัดวิวาห์สถาผล
ถึงเดือนเก้าเขาจะแต่งการมงคล แต่กุศลสองไม่เคยได้เชยชม ฯ
ฝ่ายพระบุตรีฝันว่าได้ไปชมชลาลัย
เห็นดวงแก้วแววสว่างอยู่กลางเกาะ นางก็เหาะลอยลิบไปหยิบได้ เมื่อตื่นขึ้นก็เสียใจ
ไม่แต่งองค์สรงเสวยและไสยาสน์ พี่เลี้ยงจึงนำความไปทูลพระบิดา
ท้าวสิลราชได้ทราบความแล้วจึงให้โหรทำนาย โหรทำนายว่าดีร้ายพอกึ่งกัน
จะจากไกลไอศวรรย์ จะลือลั่นโลกาทั้งธานี จะได้คู่สร้างแล้วได้ครองเมือง
ท้าวสิลราชจึงให้จัดเรือ เพื่อพาพระธิดาไปชมเขาลำเนาเกาะ
จะได้สิ้นเคราะห์เนื่องจากว่าได้จากเมืองไปตามคำทำนาย
ฝ่ายมนตรีกรมท่าในก็ไปเตรียมเรือออกเดินทาง
ต่างยุดเสาสำเภาใส่ทั้งใบผ้า เลือกล้าต้าต้นหนล้วนคนแข็ง
ปืนฝรั่งกังก้าทั้งหน้าท้าย มีปืนรายรอบข้างสล้างสลับ
แล้วลอยเลื่อนเคลื่อนคลามาประทับ คอยเรียงรับอยู่ที่ท่าหน้าธานี
ฯลฯ
พระทรงนั่งยังแท่นท้ายบาหลี ฝูงนารีแซ่ซ้องอยู่ห้องกั้น
เหล่าล้าต้าต้นหนคนทั้งนั้น เร่งให้ขันกว้านโห้โล้สำเภา
ทั้งหน้าหลังดั้งกันลั่นม้าล่อ แล้วขันช่อชักใบขึ้นใส่เสา
พอออกอ่าวลมอุตรามาเพลาเพลา แล่นสำเภาผางผางมากลางชล
ฯลฯ
ชมมัจฉาสารพัดพวกสัตว์ร้าย เห็นคล้ายคล้ายว่ายเคล้าสำเภาจร
ฝูงกระโห้โลมาขึ้นคลาคล่ำ บ้างผุดดำเคลื่อนคล้อยลอยสลอน
ทั้งกริงกรางเต่าปลาในสาคร เที่ยวสัญจรหากินในสินธู
ฝูงฉลามล้วนฉลามมาตามคลื่น ฉนากตื่นชมฉนากไม่จากคู่
ปลาวาฬวนพ่นฟองขึ้นฟ่องฟู ทั้งราหูเหราสารพัน
ฯ
เป็นกองกรรมจำเพาะจะจากกัน
เกิดลมสลาตันพัดมาตั้งแต่เย็นจนเที่ยงคืนก็ยังไม่สงบ
เรือผจญคลื่นอยู่ในทะเลถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน พวกล้าต้าต้นหนก็ทูลท้าวสิลราช
ให้ทั้งบายศรีเพื่อบวงผีถามทางกลางคงคา ท้าวสิลราชก็โปรดให้ทำตามที่เสนอก็ได้ความว่า
ให้เดินเรือไปทางทิศอีสาน ก็จะพบผู้วิเศษข้างเพทไสย แล้วให้ถามหนทางต่อไป
ฝ่ายสำเภาของพวกตามเสด็จก็กลับเข้ากรุงแล้วไปทูลความให้อัครเทวีทราบ
พระอัครเทวีจึงให้โหรพยากรณ์ โหรจับยามดูแล้วก็รู้ว่า ชายจะวายชีวี
แต่สตรีจะได้มาแต่ช้านาน แต่จะทำนายไปตามจริงก็เกรงว่า ทางอัครเทวีจะเศร้าโศรกเสียใจ
จึงทายดีเข้าไว้ว่า อีกสองปีจึงจะกลับมา พระนางได้ฟังจึงคลายโศก
แล้วหารือกับเสนีที่จะคิดอ่านต่อไป มหาอำมาตย์ทูลว่าขอให้เกณฑ์เรือสักห้าร้อย
ไปเที่ยวปักธงทุกเกาะ เขียนหนังสือแจ้งไว้ว่า ทุกแห่งบอกหนทางไปยังเมืองผลึก
ฝ่ายท้าวลังกาซึ่งมานัดวันวิวาห์จึงสั่งให้อุศเรน
ผู้เป็นบุตร ยกกำลังทางเรือมาห้าพัน เมื่อมาถึงอ่าวเมืองผลึก ก็ยิงปืนเป็นสัญญา
แล้วจอดทอดสมอคอยฟังข่าวจากชาวบุรี
ฝ่ายอัครชายาทราบความแล้ว
ก็ให้เสนาผู้ใหญ่ไปแจ้งความให้ท้าวเจ้าเกาะลังกาว่า ท้าวสิลราชไม่ได้อยู่ในเมือง
ขอให้องค์อุศเรนคอยพระธิดาอยู่ธานี ท้าวเจ้าลังกาได้รับแจ้งเหตุ
จึงตรัสบอกอุศเรนให้ตรึกตรองดูว่า ควรจะทำอย่างไรต่อไป
อุศเรนมีความเสียดายนางสุวรรณมาลียิ่งนัก แล้วคิดเห็นว่าถ้าจะกลับลังกาก็น่าอดสู
ครั้นจะอยู่ก็อายหน้า จึงคิดที่จะไปตามนาง โดยให้พระบิดากลับไปกรุงลังกา
แล้วอุศเรนก็ยกกองเรือออกทะเลไป ตั้งใจว่าหากไม่พบนางก็จะไม่เดินทางกลับ
ก่อนหน้านี้ กลับหน้าหลัก ถัดไป
ก่อนหน้านี้ กลับหน้าหลัก ถัดไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น