ตอนที่ ๘ อภิเษกศรีสุวรรณ
ฝ่ายศรีสุวรรณได้หารือกับเจ้าพราหมณ์ทั้งสามว่า
เราเปลี่ยนพายสายน้ำค่ำวันนี้ อย่าให้มีกีดขวางระคางขาม
อันตัวน้องจะไปหาพะงางาม พี่เชิญสามพี่เลี้ยงมาเคียงเรา
ธรรมเนียมหมอรักษาโรคาไข พอเดินได้ก็เรียกขวัญข้าวเขา
ไม่ตรึกตราปรารภทำซบเซา ถ้าฉวยเปล่าแล้วสิอดเหมือนมดแดง
ฯลฯ
จากนั้นศรีสุวรรณก็ไปเยี่ยมนางเกษรา
และลอบโลมเลียบรักสมัครสมาน นางเกษราจึงต่อว่า ว่าการเยี่ยมในห้อง ทำให้นางได้อาย
คนทั้งหลายจะเอาไปนินทาได้ ศรีสุวรรณจึงตอบนางว่า
พระยิ้มพลางทางตอบสุนทรสนอง น้อยหรือน้องห้ามรักหักประหาร
แกล้งหนักหน่วงลวงหลอกบอกอาการ
การนินทากาเลเหมือนเทน้ำ ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดลงกรีดหิน
พี่อาสามาสู้กู้แผ่นดิน เขารู้สิ้นแล้วว่ารักภักคินี
ฯลฯ
ฝ่ายท้าวทศวงศ์ได้หารือกับอัครชายาถึงการอภิเษกนางเกษรากับศรีสุวรรณ
แล้วให้ครองเมือง พระมเหสีก็เห็นดีด้วย วันรุ่งขึ้นท้าวทศวงศ์ก็ออกท้องพระโรง
ตรัสสั่งกับเสนาข้าเฝ้าถึงเรื่องการอภิเษกพระราชบุตรีกับศรีสุวรรณ
แล้วทุกฝ่ายก็ไปเตรียมงาน
ฝ่ายขุนนางต่างทำทุกตำแหน่ง ให้ตกแต่งปราสาททองอันผ่องใส
พระที่นั่งตั้งแท่นทองประไพ เอาหนังไกรสรราชมาลาดทับ
ราชวัตฉัตรสุวรรณเป็นหลั่นลด พระเต้าสังข์กลศเตรียมสำหรับ
บายศรีแก้วบายศรีทองสองสำรับ เครื่องคำนับเทวาบูชายัญ
มีพานทองรองพระแสงสำหรับยุทธ์ อัษฎาอาวุธทุกสิงสรรพ์
ทั้งแก้วกองทองเรียงเคียงกัน แล้วปักกั้นเศวตฉัตรจำรัสเรือง
ที่ริมขอบรอบปราสาทราชฐาน ล้วนธงฉานราชวัตขนัดเนื่อง
ละครโขนหุ่นหนังตั้งกลางเมือง ให้ครบเครื่องเสกกษัตริย์ขัตติยา
ถึงวันดีสี่คำเป็นกำหนด มาพร้อมหมดเหมือนหมายทั้งซ้ายขวา
พวกเสนีชีพราหมณ์ก็ตามมา คอยอยู่ท่าหน้าปราสาทราชวัง
ฯ
การดำเนินพิธีเป็นไปตามลำดับคือ
ปุโรหิตติดเทียนแว่นสุวรรณ บังคลคัลส่งกษัตริย์ขัตติยา
ท้าวทศวงศ์ส่งให้มเหสี นางชลีแล้วก็ส่งให้วงศา
ต่างคำนับรับเทียนเวียนออกมา พวกเสนารับส่งเป็นวงไป
กลองประโคมแตรสังข์ประดังเสียง เสนาะสำเนียงดนตรีปี่ไฉน
มโหรทึกกึกก้องทั้งฆ้องชัย เสียงหวั่นไหวแว่นแคว้นทุกแดนดาว
ฝ่ายละครมอญรำ พวกโรงนอก ต่างก็ออกโรงประชันสนั่นฉาว
ทั้งโขนเต้นชุลมุนหุ่นออกราว กระทุ้งส้าวเสียงลั่นสนั่นไป
ครั้นเวียนเทียนสำเร็จได้เจ็ดรอบ ตามระบอบประเพณีพิธีไสย
โหรารวบแว่นวิเชียรที่เวียนไว้ แล้วดับไฟโบกควันด้วยทันที
พระปิตุรงค์ทรงเจิมเฉลิมพักตร์ ให้ลูกรักทั้งสองอย่าหมองศรี
ทั้งสององค์ลงจากแท่นมณี พระบุตรีกราบกรานเข้าม่านทอง
ฯ
ค
สมเด็จท้าวทศวงศ์พงศ์กษัตริย์ มอบสมบัติในพระคลังทั้งสิบสอง
ทั้งอำมาตย์เสนาข้าทูลละออง สำหรับครองรมจักรนัครา
ฯลฯ
ค
จะแกล้งกล่าวชาวเมืองมาดูเล่น ด้วยว่าเป็นการสนุกทุกภาษา
เที่ยวดูงานการสมโภชในพารา บ้างยืนนั่งตั้งม้าทุกหน้าโรง
พวกขี้เมาเหล่านักเลงเสียงเครงครื้น ห่มแต่พื้นขาวม้านุ่งตาโถง
ชิงเบี้ยเจ๊กเด็กแย่งแทงอีโปง ออกเดินโคลงโคลนเลอะเทอะทั้งตัว
นางบ้านนอกคอกนาหน้าตาตื่น จะนั่งยืนเคียงข้างไม่ห่างผัว
ห่มแพรสีสองชั้นดูพันพัว ต่างแต่งตัวเต็มประดาทุกนารี
ข้าหลวงเหล่าชาววังยังกำดัด นุ่งสุหรัดซัดแต่ล้วนแพรสี
หนุ่มหนุ่มเหล่าเจ้าชู้ลูกผู้ดี เห็นนารีรูปงามตามเป็นพรวน
พวกบัญฑิตศิษย์วัดซัดลายอย่าง เที่ยวลากหางเดินข้ามตามฉนวน
เขาจับได้ให้แพรแสสีนวล ออกเดินด่วนเลี้ยวลัดเข้าวัดวา
พวกผู้ชายรายเที่ยวเกี้ยวผู้หญิง เข้าพาดพิงพูดผลอขอสลา
บ้างจับคู่อยู่จนสนธยา ผู้ชายพาหญิงเพลินเที่ยวเดินคลอ
ครั้นโพล้เพ้ลเพลาพอพลบค่ำ พวกหนังร่ำกลองประดังทั้งม้าล่อ
บ้างเชิดหนังตั้งแขนทำแหงนคอ ที่มุมจอคนเจรจาออกมายืน
พวกดูหนังนั่งหลามตามถนน ออกเกลื่อนกล่นกลุ้มกลาดดูดาษดื่น
บ้างลองจุดประทัดดังเหมือนอย่างปืน ให้คนตื่นแตกพลัดกระจัดกระจาย
พอกลองหยุดจุดดอกไม้ไฟสว่าง แสงกระจ่างแจ่มเหมือนดังเดือนหงาย
ดอกไม้กลคนชิงกันวิ่งควาย พวกผู้ชายสรวลเสเสียงเฮฮา
ไฟพะเนียงเสียงซู่ขึ้นฟูฟุ้ง ทั้งพลุพลุ่งโพลงสว่างกลางเวหา
ต่างเพลิดเพลินเดินไขว่กันไปมา ชาวพาราเริงรื่นชื่นอารมณ์ ฯ
ฝ่ายพระชนนีก็ได้สั่งสอนพระธิดาในเรื่องการมีคู่ครองว่า
แล้วลูบหลังสั่งสอนประสาหญิง แม่งามยิ่งยอดสตรีไม่มีสอง
จะจำไกลไปอยู่ด้วยคู่ครอง อย่าให้ข้องเคืองอัชฌาพระสามี
อย่าถือองค์นงลักษณ์ว่าอัคเรศ แม่ดวงเนตรนึกว่าเป็นทาสี
ต้องซื่อตรงจงรักด้วยภักดี ถึงราตรีกราบบาทอย่าขาดวัน
ถ้าเธอกริ้วแม่อย่าโกรธพิโรธตอบ ประณตนอบโอนอ่อนด้วยผ่อนผัน
อนึ่งเหล่าสาวสวรรค์นางกำนัล อย่าป้องกันหึงหวงให้ล่วงเกิน
เมื่อคราวทุกข์ปลุกให้พระทัยชื่น อย่าเริงรื่นเริศร้างทำห่างเหิน
ราชการภารธุระอย่าละเมิน จึงเจริญราศรีไม่มีมัว
อันหญิงดีเพราะผลปรนนิบัติ รักษาสัตย์สู้ม้วยอยู่ด้วยผัว
ผัวยิ่งรักหนักหญิงก็ยิ่งกลัว อย่าถือตัวต่อชายจะหน่ายใจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น